วันเสาร์, ธันวาคม 31, 2554

หลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียง

หลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียง

พยัญชนะไทย                                    อักษรโรมัน (ตัวต้น)                              อักษรโรมัน (ตัวสะกด)
                                                                                        k                                                                             k
ข ฃ ค ฅ ฆ                                                                        kh                                                                           k
                                                                                       ng                                                                          ng
จ ฉ ช ฌ                                                                           ch                                                                            t
                                                                                       y                                                                             n
ด ฎ ฑ (บางคำ)                                                               d                                                                             t
ต ฏ                                                                                     t                                                                              t
ถ ฐ ท ฑ ธ ฒ                                                                   th                                                                             t
น ณ                                                                                   n                                                                            n
                                                                                       b                                                                            p
                                                                                       p                                                                            p
ผ พ ภ                                                                               ph                                                                           p
ฝ ฟ                                                                                    f                                                                             p
                                                                                       m                                                                           m
                                                                                        y                                                                             -
                                                                                         r                                                                             n
ล ฬ                                                                                    l                                                                             n
                                                                                        w                                                                             -
ซ ทร ศ ษ ส                                                                       s                                                                             t
ห ฮ                                                                                    h                                                                             -

สระไทย                                                  อักษรโรมัน
อะ, -ั (อะ ลดรูป), รร (มีตัวสะกด), อา                        a
รร (ไม่มีตัวสะกด)                                                           an
อำ                                                                                    am
อิ, อี                                                                                    i
อึ, อื                                                                                  ue
อุ, อู                                                                                   u
เอะ, เ -็ (เอะ ลดรูป), เอ                                                e
แอะ, แอ                                                                           ae
โอะ, - (โอะ ลดรูป), โอ, เอาะ, ออ                                  o
เออะ, เ -ิ (เออะ ลดรูป), เออ                                      oe
เอียะ, เอีย                                                                        ia
เอือะ, เอือ                                                                      uea
อัวะ, อัว, -ว- (อัว ลดรูป)                                                ua
ใอ, ไอ, อัย, ไอย, อาย                                                     ai
เอา, อาว                                                                         ao
อุย                                                                                    ui
โอย, ออย                                                                         oi
เอย                                                                                  oei
เอือย                                                                              ueai
อวย                                                                                 uai
อิว                                                                                     io
เอ็ว, เอว                                                                          eo
แอ็ว, แอว                                                                       aeo
เอียว                                                                                iao
(เสียง รึ), ฤๅ                                                               rue
(เสียง ริ)                                                                        ri
(เสียง เรอ)                                                                  roe
, ฦๅ                                                                               lue

วันจันทร์, ธันวาคม 26, 2554

หูด โอ้วววว

หูดคืออะไร
หูดคือเนื้องอกที่ผิวหนังที่ติดเชื้อไวรัส human papillomavirus เชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งโดยการสัมผัส

อาการของโรค
อาการจะเป็นก้อนที่ผิวหนัง ลักษณะผิวอาจจะเรียบ หรือขรุขระ สีอาจจะสีขาว ชมพู หรือสีน้ำตาล อาจจะเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ แต่ที่ๆพบบ่อยคือ นิ้วมือ แขน ขา
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อ Papova virus เกิดจากการสัมผัสโดยตรงต่อเชื้อนี้ ระยะพักตัวประมาณ 1-6 เดือน แบ่งตามลักษณะของผื่นและตำแหน่งที่พบ
หูด
  1. Verrucus vulgaris หูดธรรมดาลักษณะจำเพาะเริ่มเป็นเม็ดเดี่ยว หรือหลายเม็ดกระจายทั่วๆไป มีผิวขรุขระ พบบ่อยที่ฝ่ามือ และฝ่าเท้า
  2. Verrucus plana หูดราบลักษณะจำเพาะคือเริ่มเป็นเม็ด ผิวหน้าแบนราบ สีเดียวกับผิวหนัง พบบ่อยบริเวณหน้า แขนด้านนอก คอ มือ
  3. Condyloma acuminata เป็นหูดที่เกิดที่อวัยวะเพศ เป็นติ่งเนื้อนุ่มสีชมพู เปื่อยง่ายมักจะพบบริเวณอวัยวะเพศ ทวาร
  4. Plantar wart มักจะเป็นเม็ดแข็งฝังใต้ฝ่าเท้า มีผิวราบ
  5. Filiform and Digitate warts เป็นติ่งยื่นออกมาจากผิวหนังพบบริเวณใบหน้า และคอ
  6. Periungual wart เป็นหูดที่พบบริเวณเล็บ
การตรวจวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคหูดส่วนใหญ่จะวินิจฉัยจากประวัตการเป็นโรค ตำแหน่ง และลักษณะของหูด แต่ในรายที่สงสัยอาจจะต้องตรวจเพิ่มเติมได้แก่
  • การขูดเอาเนื้อที่อยู่บริเวณผิวๆไปตรวจทางพยาธิ
  • การตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจ
การรักษา
การรักษาด้วยตัวเอง
พึงระลึกเสมอว่าหูดเกิดจากเชื้อไวรัสหายเองได้ 65 % ในเด็กร้อละ 50 หายภายใน 6 เดือน ร้อยละ 90 หายใน 2 ปีดังนั้นการใช้ยาทาไม่ควรใช้แรงเกินไป การรักษามีหลายวิธีควรเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง
การใช้ plaster
  • ใช้ plaster กันน้ำปิดบริเวณที่เป็นหูดหลายชั้น ใช้ได้ผลดีกับหูดที่เล็บ ปิดไว้ประมาณ 6 วัน
  • แกะ plaster ออก 12 ชั่วโมงและติด plaster ซ้ำ
  • plaster จะลดอากาศและความชื้นทำให้เชื้อไม่เจริญเติบโต
การใช้กรด salicylic
  • กรด salicylic ที่ขายตามร้านขายยามีด้วยกันสองรูปแบบ คือแบบน้ำยา หรือแบบ plaster อาบน้ำยา
  • บริเวณที่เป็นหูดให้แช่น้ำอุ่นประมาณ 5-10 นาที
  • หลังจากนั้นใช้ตะไบเนื้อที่แข็งออก
  • ทายาหรือปิด plaster
การรักษาที่โรงพยาบาล
  1. การขูดออกโดยสันมีดหรือใช้ไฟจี้ Eletrodessication and curettage ใช้ไฟแรงไปอาจเกิดแผลเป็น และปวด
  2. การใช้ laser
  3. Cryosurgery เป็นการจี้ด้วย nitrogen เหลว และน้ำแข็งแห้งวิธีนี้สะดวก และไม่ไคร่เกิดแผลเป็น
  4. การใช้ยาทาเฉพาะที่ เช่น 40% salicylic acid,10% Lactic acid,30-50% Trichloroacetic acid ยามีขายที่ร้านขายยามีสองชนิดคือ ชนิดที่เป็นแผ่นเคลือบยา และชนิดที่เป็นน้ำยาเข้มข้น วิธีการใช้ ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นหูด แล้วติดplaster หรือทายา หลังจากนั้นจะใช้หินขัดเท้า หรือตะไบขูดเอาเนื้อตายออกทีละน้อยซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นปีในการเอาเนื้องอกออกจนหมด
  5. หูดที่เป็นติ่งใช้กรรไกรเฉือนหลังใช้ยาชาเฉพาะที่พ่น
  6. หูดหงอนไก่ใช้  25% podophyllin 
  7. หูดที่ผ่าเท้า ห้ามใช้ไฟจี้ หรือตัดออก เพราะจะทำให้เจ็บเวลาเดิน วิธีการรักษา
  • เฉือนให้บางลง หรือ
  • ปิดด้วย 40%salicylic acid plaster หรือ
  • ทาด้วย nitrogen เหลว หรือ
  • ใช้มีดทู่ๆค่อยๆแซะหูด
เมื่อไรที่จะต้องให้แพทย์ตรวจ
  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 12 สัปดาห์หลังจากใช้ยา salicylic acid
  • หูดมีการเปลี่ยนแปลงสี หรือขนาด
  • หูดนั้นเลือดออกง่าย
  • เป็นหูดที่อวัยวะเพศควรจะต้องปรึกษาแพทย์

วันอังคาร, ธันวาคม 20, 2554

ว่าด้วยปฏิทิน และที่มา

"ฉันได้มาถึง ฉันได้มาเห็นแล้ว และฉันก็ได้ชัยชนะ"

"I came, I saw, I conquered"


วาทะนี้เป็นของจูเลียส ซีซาร์ ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ รัฐบุรุษ นักการทหารที่ชาญฉลาด และนักคิดที่ทรงภูมิของโรมและของประวัติศาสตร์โลก กล่าวไว้ในคราวที่เขายกทัพบุกตะลุยตีซีเรีย ปอนตุส และได้รับชัยชนะในเวลาเพียงวันเดียว ผลงานชิ้นสำคัญของเขาชิ้นหนึ่งในหลายชิ้นของเขา ก็คือการยกทัพไปบุกถึงเกาะอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่เคยเป็นที่รู้จักหรือปรากฏอยู่บนแผนที่มาก่อน เขามิได้แต่เป็นเพียงแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ผู้นำโรมไปสู่ความเป็นมหาอำนาจทั้งในทางการเมืองและการทหารเท่านั้น งานหลายอย่างที่เขาทำไว้ยังเป็นรากฐานหรือต้นกำเนิดของหลายสิ่งหลายอย่างในปัจจุบัน

จูเลียส ซีซาร์ มีชื่อเต็มว่า เคอุส จูเลียส ซีซาร์ เกิดในโรม เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม เมื่อ 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในตระกูลขุนนางเก่าแก่ตระกูลหนึ่ง ตั้งแต่เด็กมา เขาไม่เคยมีความคิดที่จะเป็นทหารเลย แม้ว่าเขาจะขอเข้าฝึกหัดอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาตั้งใจที่จะเป็นทนายความและนักกฎหมาย ซึ่งเป็นอาชีพที่ขึ้นหน้าขึ้นตาอาชีพหนึ่งในสมัยนั้น

การดำเนินชีวิตของเขาในตอนแรกไม่ค่อยราบรื่นนัก บิดาของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุยังน้อย เขาเริ่มหาเลี้ยงตนเองโดยการทำงานในวัดแห่งหนึ่งตั้งแต่อายุได้ 15 ปี เขาเป็นคนที่มีศัตรูรอบข้างและต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ เพื่อหลบหนีผู้ที่ปองร้ายเขา

จูเลียส ซีซาร์ ได้ชื่อว่ามีความเก่งกาจทางด้านการทหารเป็นอย่างยิ่ง เมื่ออายุได้ 12 ปี เขาได้รับเหรียญกล้าหาญในการรบที่เมือง มีชลีน ในระยะสิบปีแห่งการทำสงคราม ซีซาร์สามารถตีชนะประเทศต่างๆ ถึง 300 ประเทศ ได้เมืองต่างๆ ไว้ในอำนาจถึง 800 เมือง และกวาดต้อนผู้คนมาเป็นทาสได้ถึง 1,000,000 คน เขาได้ครองตำแหน่งสำคัญๆ หลายตำแหน่งในกรุงโรม ได้แก่ ผู้พิทักษ์ (Tribune) เป็นนายคลังใหญ่ เป็นหัวหน้าโยธาธิการ และเป็นประมุขของศาสนาจารย์ ซึ่งในตำแหน่งนี้ ซีซาร์ได้ปฏิรูปปฏิทินเสียใหม่ ให้ 1 ปีมี 365 วัน ทุก 4 ปีเพิ่มวันขึ้นอีก 1 วัน ทั้งนี้เพื่อคำนวณวันกำหนดพิธีการได้อย่างถูกต้อง ปฏิทินนี้เรียกว่า "ปฏิทินจูเลียน" (เดือนกรกฎาคม หรือ July เป็นเดือนเกิดของซีซาร์ ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา เช่นเดียวกันกับตำแหน่งซาร์ของ รัสเซีย ก็ได้มาจากชื่อของเขา นั่นคือ ซีซาร์)


ปฏิทินจูเลียน สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิจูเลียส ซีซาร์ แห่งโรมัน ปฏิทินจูเลียน เป็นปฏิทินที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิจูเลียส ซีซาร์ แห่งโรมัน ปฏิทินนี้เริ่มสร้างขึ้น 48 ปีก่อน ค.ศ. และเสร็จเมื่อ ค.ศ. 8 คำว่า จูเลียน แปลว่า แห่งจูเลียส

ในปฏิทินจูเลียนหนึ่งปีมี 365.25 วัน ดังนั้นทุกๆ 4 ปีจะมีปีอธิกสุรธิน 1 ครั้ง ใน 1 ศตวรรษ ปฏิทินจูเลียนจะมี 36525 วัน

ในปฏิทินเก่าของโรมัน ในหนึ่งปีมี 12 เดือนและมีจำนวนวันดังนี้

1.Martius (March) 31 วัน
2.Aprilis (April) 30 วัน
3.Maius (May) 31 วัน

4.Iunius (June) 30 วัน
5.Quintilis (July) 31 วัน
6.Sextilis (August) 31 วัน

7.September 30 วัน
8.October 31 วัน
9.November 30 วัน

10.December 31 วัน
11.Ianuarius 30 วัน
12.Februarius 29 วัน ทุกปีที่ 4 มี 30 วัน

แรกเริ่มนั้นวันวสันตวิษุวัตตรงกับวันที่ 1 Martius (มีนาคม)
จึงถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่

ต่อมาในปี 153 ก่อน ค.ศ.
ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เดือน Ianuarius (มกราคม) เป็นเดือนแรก


ชื่อเดือนเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการเมือง

จูเลียส ซีซาร์ ได้ใส่ชื่อของตนเป็นชื่อเดือน
นั่นคือเดือน Iiulius (July) ในปี 44 ก่อน ค.ศ.

ต่อมาในปี 8 ก่อน ค.ศ. จักรพรรดิออกุสตุส ซีซาร์
ได้เปลี่ยนเดือน Sextilis เป็นชื่อของตนบ้าง
คือ August และให้เปลี่ยนจำนวนวันเป็น 31 วันด้วย

เพราะกลัวว่าจะน้อยหน้าซีซาร์

จึงจำเป็นต้องตัดวันหนึ่งวันจากเดือน Februarius (February)
และเปลี่ยนแปลงเดือนถัดจาก Augustus ให้มี 30 วัน สลับกับ 31 วัน ตามทฤษฎีของ โจฮันเนส เดอ ซาโครบอสโค (Johannes de Sacrobosco)


นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ แต่ไม่ได้รับความสำเร็จเช่น

จักรพรรดิคาลิกูลา (Caligula) เปลี่ยน September เป็น Germanicus
จักรพรรดิเนียโร (Nero) เปลี่ยน Aprilis เป็น Neronius และ Maius เปลี่ยน Iiunius เป็น Germanicus

จักรพรรดิโดมิเทียน (Domitian) เปลี่ยน September เป็น Germanicus และ October เป็น Domitianus

จักรพรรดิคอมโมดุส (Commodus) เปลี่ยนชื่อเดือนทั้งหมดเป็นตั้งแต่มกราคมถึงธันวาคมดังนี้:
Amazonius, Invictus, Felix, Pius, Lucius, Aelius, Aurelius, Commodus, Augustus, Herculeus, Romanus, Exsuperatorius


จากปฏิทินจูเลียนสู่ปฏิทินเกรกอเรียน

ปฏิทินจูเลียนใช้ในยุโรปเป็นเวลายาวนาน ตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันจนถึงปี 1582 เมื่อสันตปาปาเกรกอร์ ได้ปฏิรูปปฏิทินใหม่ และประกาศออกมาใช้ เรียกกันว่า ปฏิทินเกรกอเรียน

ซึ่งเริ่มแรกประเทศแคทอลิกเท่านั้น ที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ประเทศอังกฤษเริ่มต้นใช้ในปี 1752 โดยประกาศให้หลังวันที่ 2 กันยายน เป็น 14 กันยายน ในขณะที่ประเทศกรีกเพิ่งจะมาเริ่มใช้ในปี 1923



ปฏิทินเกรโกเรียน .. ปฏิทินที่ดัดแปลงมาจากปฏิทินจูเลียน ปฏิทินเกรโกเรียน (Gregorian Calendar) เป็นปฏิทินที่ดัดแปลงมาจากปฏิทินจูเลียน ใช้กันแพร่หลายในประเทศตะวันตก ประกาศใช้ครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 13 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2125 (ค.ศ. 1582)

เหตุที่มีการคิดค้นปฏิทินเกรกอเรียนขึ้นใช้แทน เนื่องจากปีในปฏิทินจูเลียน ซึ่งยาวนาน 365.25 วันนั้น มีนานกว่าปีฤดูกาลจริง (365.2425 วัน) อยู่เล็กน้อย

ทำให้วันวสันตวิษุวัตของแต่ละปี ขยับเร็วขึ้นทีละน้อย เพื่อที่จะให้วันอีสเตอร์ตรงกับวันที่ 21 มีนาคม (วันวสันตวิษุวัต) จึงจำเป็นต้องปฏิรูปปฏิทิน

เนื่องจากสมเด็จพระสันตะปาปา ทรงปรับปรุงปฏิทินโดยมีผลย้อนหลัง กำหนดให้ถัดจากวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2125 วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2125 ในครั้งแรกของการปรับวัน จำนวนวันจึงถูกร่นขาดหายไป 10 วัน กล่าวคือ

จูเลียน 5 ต.ค. พ.ศ. 2125 = เกรโกเรียน 15 ต.ค. พ.ศ. 2125 (ค.ศ. 1582)

จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ. 2143 = เกรโกเรียน 10 มี.ค. พ.ศ. 2143 (ค.ศ. 1600)


ต่อมา ร่นวันอีก ศตวรรษละ 1 วัน ทั้งสิ้น 3 ครั้ง กล่าวคือ

จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ. 2243 = เกรโกเรียน 11 มี.ค. พ.ศ. 2243 (ค.ศ. 1700)

จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ. 2343 = เกรโกเรียน 12 มี.ค. พ.ศ. 2343 (ค.ศ. 1800)

จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ. 2443 = เกรโกเรียน 13 มี.ค. พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900)


หลังจากนั้นไม่มีการร่นวันอีก กล่าวคือ

จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ. 2543 = เกรโกเรียน 13 มี.ค. พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000)

ดังนั้นจำนวนวันที่แตกต่างกันระหว่างปฏิทินจูเลียน และเกรโกเรียนในเวลาปัจจุบันจึงเท่ากัน 13 วัน ดังนี้


ช่วงเวลา
ตาม ปฏิทินเกรโกเรียน ช่วงเวลา
ตาม ปฏิทินจูเลียน จำนวนวันที่ต่างกัน
ในแต่ละช่วงการปฏิรูป

ปฏิทินเกรโกเรียน 15 ตุลาคม 1582 - 28 กุมภาพันธ์ 1700
ปฏิทินจูเลียน 5 ตุลาคม 1582 - 18 กุมภาพันธ์ 1700
จำนวนวันที่ต่างกัน - 10 วัน

ปฏิทินเกรโกเรียน 1 มีนาคม 1700 - 28 กุมภาพันธ์ 1800
ปฏิทินจูเลียน 19 กุมภาพันธ์ 1700 - 17 กุมภาพันธ์ 1800
จำนวนวันที่ต่างกัน - 11 วัน

ปฏิทินเกรโกเรียน 1 มีนาคม 1800 - 28 กุมภาพันธ์ 1900
ปฏิทินจูเลียน 18 กุมภาพันธ์ 1800 - 16 กุมภาพันธ์ 1900
จำนวนวันที่ต่างกัน - 12 วัน

ปฏิทินเกรโกเรียน 1 มีนาคม 1900 - 28 กุมภาพันธ์ 2100
ปฏิทินจูเลียน 17 กุมภาพันธ์ 1900 - 15 กุมภาพันธ์ 2100
จำนวนวันที่ต่างกัน - 13 วัน


อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงเมื่อคำนวณอย่างละเอียด ตามหลักวิทยาศาสตร์ 1ปี เฉลี่ยเท่ากับ 365 วัน 5 ชั่วโมง 48 นาที 46 วินาที (ประมาณ 365.242199074 วัน)

แต่ปฏิทินเกรโกเรียนกำหนดให้หนึ่งปีมี 365.2425 วัน ปฏิทินนี้จึงคลาดเคลื่อนไปโดยช้าลงปีละประมาณ 26 วินาที

เริ่มแรกประเทศคาทอลิกเท่านั้น ที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
เช่น อังกฤษ เริ่มใช้ในปี 1752
โดยประกาศให้หลังวันที่ 2 กันยายน เป็น 14 กันยายน

กรีก เริ่มใช้เมื่อปี 1923


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี และ เด็กดี : ความรู้รอบตัว

วันอังคาร, ธันวาคม 13, 2554

ประเทศไทยมีนายกมากี่คนแล้ว?

มีมาแล้ว27คน คนที่28กำลังดำรค์ตำแหน่งอยู่ครับ
รายชื่อนายกรัฐมนตรีไทย นายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ถึง 27

นายกรัฐมนตรี คนที่ 1 พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) ดำรงตำแหน่งวันที่ 28 มิถุนายน 2475 พ้นตำแหน่งวันที่ 21 มิถุนายน 2476 ด้วยการทำรัฐประหารโดยพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา
นายกรัฐมนตรี คนที่ 2 พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ดำรงตำแหน่งวันที่ 21 มิถุนายน 2476 พ้นตำแหน่งวันที่ 16 ธันวาคม 2481 โดยรัฐบาลยุบสภา
นายกรัฐมนตรี คนที่ 3 จอมพลแปลก พิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ) ดำรงตำแหน่งครั้งแรกวันที่ 16 ธันวาคม 2481 พ้นตำแหน่งครั้งสุดท้ายวันที่ 16 กันยายน 2500 โดยการทำรัฐประหารนำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
นายกรัฐมนตรี คนที่ 4 พันตรีควง อภัยวงศ์ ดำรงตำแหน่งวันที่ 1 สิงหาคม 2487 พ้นตำแหน่งวันที่ 8 เมษายน 2491 โดยถูกคณะรัฐประหารบังคับให้ลาออก
นายกรัฐมนตรี คนที่ 5 นายทวี บุณยเกตุ ดำรงตำแหน่งวันที่ 31 สิงหาคม 2488 พ้นตำแหน่งวันที่ 17 กันยายน 2488 เนื่องจากลาออก เพื่อให้ผู้เหมาะสมมาแทน
นายกรัฐมนตรี คนที่ 6 หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ดำรงตำแหน่งครั้งแรกวันที่ 17 กันยายน 2488 และอีกครั้งในต้นปี 2519 ก่อนพ้นตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ด้วยการทำรัฐประหาร นำโดยพล.ร.อ.สงัด ชลออยู่
นายกรัฐมนตรี คนที่ 7 นายปรีดี พนมยงค์ (หลวงประดิษฐ์มนูธรรม) ดำรงตำแหน่งวันที่ 24 มีนาคม 2489 พ้นตำแหน่งวันที่ 23 สิงหาคม 2489 โดยการลาออก
นายกรัฐมนตรี คนที่ 8 พลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (หลวง ธำรงนาวาสวัสดิ์) ดำรงตำแหน่งวันที่ 23 สิงหาคม 2489 พ้นตำแหน่งวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 โดยการทำรัฐประหารนำโดยพล.ท.ผิน ชุณหะวัณ
นายกรัฐมนตรี คนที่ 9 นายพจน์ สารสิน ดำรงตำแหน่งวันที่ 21 กันยายน 2500 ตามมติสภาผู้แทนราษฎร และพ้นตำแหน่งวันที่ 1 มกราคม 2501 เพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไป เป็น ครม.ชุดที่ 27
นายกรัฐมนตรี คนที่ 10 จอมพลถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่งครั้งแรกวันที่ 1 มกราคม 2501 และอีกครั้งในปลายปี 2506 ก่อนจะพ้นตำแหน่งวันที่ 14 ตุลาคม 2516 หลังการเดินขบวนใหญ่ของนักศึกษาประชาชน ในเหตุการณ์ 14 ตุลา
นายกรัฐมนตรี คนที่ 11 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2502 พ้นตำแหน่งวันที่ 8 ธันวาคม 2506 เพราะถึงแก่อสัญกรรม
นายกรัฐมนตรี คนที่ 12 นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งวันที่ 14 ตุลาคม 2516 พ้นตำแหน่งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2518 เพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญปี 2517
นายกรัฐมนตรี คนที่ 13 พลตรีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ดำรงตำแหน่งวันที่ 14 มีนาคม 2518 พ้นตำแหน่งวันที่ 20 เมษายน 2519 เพราะยุบสภา
นายกรัฐมนตรี คนที่ 14 นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ดำรงตำแหน่งวันที่ 8 ตุลาคม 2519 พ้นตำแหน่งวันที่ 20 ตุลาคม 2520 โดยการรัฐประหารนำโดยพล.ร.อ. สงัด ชลออยู่
นายกรัฐมนตรี คนที่ 15 พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ดำรงตำแหน่งวันที่ 11 พฤศจิกายน 2520 พ้นตำแหน่งวันที่ 3 มีนาคม 2523 โดยการลาออกกลางสภา
นายกรัฐมนตรี คนที่ 16 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งวันที่ 3 มีนาคม 2523 พ้นตำแหน่งวันที่ 4 สิงหาคม 2531 เมื่อยุบสภาให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
นายกรัฐมนตรี คนที่ 17 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ดำรงตำแหน่งวันที่ 4 สิงหาคม 2531 พ้นตำแหน่งวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 โดยคณะ รสช.ทำรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรี คนที่ 18 นายอานันท์ ปันยารชุน ดำรงตำแหน่งวันที่ 2 มีนาคม 2534 พ้นตำแหน่งวันที่ 23 กันยายน 2535 เมื่อยุบสภาให้มีการเลือกตั้งทั่วไป (ดำรงตำแหน่งช่วงสั้นๆ อีกครั้ง ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 10 มิถุนายน 2535 - 23 กันยายน 2535)
นายกรัฐมนตรี คนที่ 19 พลเอกสุจินดา คราประยูร ดำรงตำแหน่งวันที่ 7 เมษายน 2535 พ้นตำแหน่งวันที่ 10 มิถุนายน 2535 หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
นายกรัฐมนตรี คนที่ 20 นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งวันที่ 23 กันยายน 2535 และอีกครั้งในปี 2540 พ้นตำแหน่งวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2544 เมื่อยุบสภาให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
นายกรัฐมนตรี คนที่ 21 นายบรรหาร ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่ง 13 กรกฎาคม 2538 พ้นตำแหน่งวันที่ 25 พฤศจิกายน 2539 เมื่อยุบสภา
นายกรัฐมนตรี คนที่ 22 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ดำรงตำแหน่งวันที่ 25 พฤศจิกายน 2539 พ้นตำแหน่งวันที่ 9 พฤศจิกายน 2540 โดยการลาออก
นายกรัฐมนตรี คนที่ 23 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544 พ้นตำแหน่งวันที่ 19 กันยายน 2549 หลังถูกรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรี คนที่ 24 พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งวันที่ 1 ตุลาคม 2549 พ้นตำแหน่งวันที่ 29 มกราคม 2551 เมื่อปรากฎผลการเลือกตั้งทั่วไป
นายกรัฐมนตรี คนที่ 25 นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่ง 29 มกราคม 2551 พ้นตำแหน่งวันที่ 9 กันยายน 2551 จากคำวินิจฉัยว่าไม่มีคุณสมบัติดำรงตำแหน่งของศาลรัฐธรรมนูญ
นายกรัฐมนตรี คนที่ 26 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่ง 9 กันยายน 2551 พ้นตำแหน่งวันที่ 2 ธันวาคม 2551 จากคำวินิจฉัยยุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญ (ถูกตัดสิทธิ์และไม่มีคุณสมบัติในฐานะกรรมการบริหารพรรค)
นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่ง 17 ธันวาคม 2551 -2554

วันพุธ, ธันวาคม 07, 2554

ความหมายของสัญญลักษณ์ที่อยู่บนป้ายผ้า


ซักด้วยมือเท่านั้น ไม่ต้องขยี้มาก ทำให้แห้งอย่างพิถีพิถัน (ตากในที่ร่ม)
ซักเครื่องตามข้อบ่งชี้อุณหภูมิสูงสุดเป็นองศาเซนเซียส
     30องศาเซนเซียส สำหรับผ้าสี ใช้ความเร็วในการซักน้อย ปั่นแห้งความเร็วปกติ

   40องศาเซนเซียส สำหรับเสื้อทีเชิ๊ตสี และชุดชั้นในที่ยืดได้ ใช้ความเร็วในการซักน้อย ปั่นแห้งความเร็วปกติ

    60องศาเซนเซียส สำหรับผ้าขนหนูสี   ใช้ความเร็วในการซักปกติ  ปั่นแห้งความเร็วปกติ

    95องศาเซนเซียส สำหรับผ้าห่ม    ใช้ความเร็วในการซักปกติ  ปั่นแห้งความเร็วปกติ
 
            *  สัญลักษณ์ขีดเส้นใต้เป็นข้อบ่งชี้ในประเภทของโปรแกรมที่ใช้
          ไม่มีขีด สำหรับโปรแกรมซักผ้าฝ้าย(ความเร็วสูงสุด)      ใช้ความเร็วในการซักปกติ  ปั่นแห้งความเร็วปกติ
           ขีดเส้นหนึ่งขีด สำหรับโปรแกรมซักผ้าใยสังเคราะห์ (ความเร็วขนาดกลาง)  ใช้ความเร็วในการซักต่ำ 

      ลดอุณหภูมิในการซักและลดความเร็วในการปั่นลง     และสองขีดสำหรับผ้าขนสัตว์ (ความเร็วต่ำสุด)
              ห้ามซักด้วยเครื่อง
  * สามารถปั่นแห้งได้
        จุดตรงกลางเป้นตัวบอกอุณหภูมิสูงสุด
        ไม่มีจุด ไม่จำกัดเรื่องอุณหภูมิ
        หนึ่งจุด สำหรับอุณหภูมิต่ำ (สูงสุด60องศาเซนเซียส)

         สองจุด อุณหภูมิปั่นแห้งปกติ
       ห้ามปั่นแห้ง
     ปล่อยให้แห้งเองและรีดด้วยเตารีดทันทีหลังแห้ง
      แขวนด้วยไม้แขวนเสื้อในที่ร่ม
      วางให้แห้งบนพื้นราบ
รีดผ้าภายใต้อุณหภูมิต่อไปนี้
  สัญลักษณ์หนึ่งจุดบนเตารีด  รีดด้วยความร้อนต่ำ(cold iron) อุณหภูมิ 110องศาเซนเซียส
                                           เหมาะสำหรับผ้าอะคลิลิก ไนลอนและอะซีเตท
 สัญลักษณ์สองจุด                รีดด้วยความร้อนปานกลาง(Hot iron) อุณหภูมิ 150องศาเซนเซียส
                                          สำหรับผ้าโพลีเอสเตอร์และผ้าขนสัตว์
 สัญลักษณ์สามจุด                รีดด้วยความร้อนสูง(very hot iron) อุณหภูมิ 200องศาเซนเซียส
                                          สำหรับผ้าฝ้ายและผ้าลินิน 
   ห้ามรีด     ( หรืออาจรีดโดยใช้การดูแลเป็นพิเศษ เช่น การรีดผ่านผ้ารองอีกชั้นหนึ่งเป็นต้น)
                   ผ้าต้องถูกทำความสะอาดและทำให้แห้งให้ถูกหลักเพื่อให้คงความหอม นานที่สุดเท่าที่จะนานได้  ทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องรู้คือการถอดรหัสจากสัญลักษณ์ของการดูแลผ้า  และบทความนี้จะช่วยให้ท่านเข้าใจ เมื่อพบสัญลักษณ์เหล่านี้ ที่จำเป็นที่จะทำให้คุณคุ้นเคย เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงเกี่ยวกับปัญหาของการเปลี่ยนสีของเสื้อผ้าเช่น ชุดชั้นในสีฟ้ากลายเป็นชุดชั้นในสีขาว ป้ายจะบอกเราเลยว่าต้องดูแลอย่างไรสำหรับเนื้อผ้า เพื่อที่จะดูแลรักษาสภาพเนื้อผ้าให้ได้ยาวนานที่สุด
คำแนะนำของเราสำหรับ การซัก การใช้น้ำยาฟอกขาว การรีดผ้า การซักแห้งและการปั่นแห้ง
การซัก

วันจันทร์, ธันวาคม 05, 2554

ข้อควรรู้เกี่ยวกับมะเร็ง 11 ประการ

 
 
1. ทุกคนมีเซลล์มะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลล์จำพวกนี้จะไม่สามารถตรวจหาพบโดยเครื่องมืออทางการแพทย์จนกว่าจะมีปริมาณเซลล์เป็น 2-3 ร้อยล้านเซลล์ หากไปพบหมอ แล้วหมอบอกว่าคุณไม่มีเซลล์มะเร็งในร่างกายหลังจากการตรวจ นั่นแค่หมายความว่า เครื่องมือทางการพทย์ไม่สามารถตรวจพบเซลล์มะเร็งได้เนื่องจากขนาดของเซลล์มะเร็งยังไม่มากพอ หรือขาดยังไม่ใหญ่พอให้เครื่องมือตรวจเจอ

2. เซลล์มะเร็ง เกิดขึ้นมาก ถึง 6 -10 ครั้ง ใน 1 ช่วงชิวิตของมนุษย์

3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง เซลล์มะเร็งก็จะถูกทำลายเพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งขยายตัว และสร้างก้อนเนื้อร้าย

4. เมื่อคนไข้ ถูกบ่งชี้ว่าเป็นมะเร็ง แสดงให้เห็นว่ามีการขาดสารอาหารบางชนิด หรือ โภชนาการไม่ดี ซึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม อาหาร หรือปัจจัยอื่นในการดำรงชีวิต

5. การเอาชนะเซลล์มะเร็ง สามาถทำได้โดยการสร้างความแข็งแกร่งให้เซลล์เม็ดเลือดขาว หรือระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย

6. การให้คีโม หรือสารเคมีบางชนิด เป็นทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็ทำลายเซลล์ที่ดีของร่างกายไปด้วยอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นอาจทำลายระบบของอวัยวะสำคัญไปด้วย เช่น ตับ ไต หัวใจ หรือปอด

7. การฉายรังสี ก็จะทำลายเซลล์มะเร็ง และทำให้เนื่อบางส่วนไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลล์ เนื่อเยื่อที่ดีไปด้วยเช่นกัน

8. โดยทั่วไปแล้ว การให้คีโม หรือการฉายรังสี อาจจะทำให้ขนาดของก้อนเซลล์มะเร็งลดลง แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้มีผลทำลายก้อนเนื่อไปมากกว่านั้น

9. เมื่อร่างกายต้องรับสารพิษจำนวนมาก จากการให้คีโมหรือการฉายแสง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะถูกทำลายไปด้วย ดังนั้นร่างกาวยก็ง่ายต่อการติดเชื้อ หรือพ่ายแพ้เซลล์มะเร็ง

10. การให้คีโม หรือการฉายแสง อาจเป็สาเหตุให้เซลล์มะเร็ง มีการกลายพันธุ์ หรือดื้อยา ทำให้ยากแก่การทำลาย การผ่าตัด ก็อาจสามารถทำให้ เซลล์มะเร็งกระจายไปยังส่วนอื่น
11. วิธีที่มีประสิทธิภาพที่จะต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง คือ หยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยการหยุดให้อาหารที่เซลล์มะเร็งจำเป็นต้องนำไปใช้
 

วันศุกร์, พฤศจิกายน 18, 2554

ทำไมเราถึงต้องเรียนฝรั่งเศสโดยพบกับ...10 เหตุผลที่ควรเรียนภาษาฝรั่งเศส

ภาษา ต่างประเทศล้วนเป็นสิ่งมีคุณค่าในตัวภาษาเอง ส่วนที่ว่าเรียนแล้วจะใช้สื่อสารได้แค่ไหนคงต้องขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความมุ่งมั่น การฝึกฝนจนชำนาญของผู้เรียน และนี่คือ 10 เหตุผลที่ควรเรียนภาษาฝรั่งเศส


1. ภาษา สนทนาแห่งโลก ผู้คนจำนวนมากว่า 200 ล้านคนใน 5 ทวีปสนทนาโดยใช้ภาษาฝรั่งเศส ประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสทั้ง 68 ประเทศและรัฐบาลต่างรวมกลุ่มกัน ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาต่างประเทศที่เข้าใจกันอย่างกว้างขวางรองมาจากภาษา อังกฤษและเป็นภาษาที่มีการใช้ในการสนทนามากเป็นลำดับที่ 9 ของโลก




2. ภาษา เพื่อการสรรหาอาชีพ การสนทนาภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษเป็นคุณสมบัติโดดเด่นทุกหนทุกแห่งสำหรับ โอกาสในการหาอาชีพในตลาดอาชีพสากล ทั้งในประเทศฝรั่งเศสเองหรือประเทศอื่นที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (แคนาดา สวิสเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และทวีปแอฟริกา) ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศในลำดับที่ 5 ของโลกที่มีอำนาจในทางพาณิชย์และเป็นประเทศในลำดับที่ 3 ในการต้อนรับนักลงทุนชาวต่างชาติ
 
 
3. ภาษาแห่งวัฒนธรรม ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาสากลสำหรับเรื่องอาหาร แฟชั่น ภาพยนตร์ ศิลปะ เต้นรำ และการออกแบบ การรู้จักภาษาฝรั่งเศสสามารถเข้าถึงในการเข้าใจต้นแบบของวรรณกรรมฝรั่งเศส รวมทั้ง ภาพยนตร์ บทเพลง และวรรณกรรมของประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสอื่นๆ ด้วย ได้แก่ ผลงานของ Victor Hugo, Molière, Edith Piaf, Sartre หรือ นักฟุตบอลอย่าง Zinedine Zidane…




4. ภาษาเพื่อการเดินทาง ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีผู้มาเยือนมากกว่า 70 ล้านคนต่อปี และสถานที่ที่น่าเยี่ยมชม คือ ปารีส และ ทุกแคว้นของประเทศฝรั่งเศส ความรู้ในภาษาฝรั่งเศสเปิดโอกาสให้เข้าใจวัฒนธรรม ความคิด และวิถีชีวิตของคนฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ดียิ่งขึ้น




5. ภาษาเพื่อการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ความรู้ ความเข้าใจภาษาฝรั่งเศส จะสามารถศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง สถาบันการศึกษาชั้นสูง ชั้นนำระดับโลกในฝรั่งเศสได้ ในระดับ มหาวิทยาลัยนี้ รัฐบาลยังมีทุนการศึกษาหลายทุนสำหรับนักเรียนที่เรียนดีอีกด้วย




6. ภาษาเพื่อความสัมพันธ์นานาชาติ ภาษา ฝรั่งเศสเป็นภาษาแห่งโอกาสในการทำงาน และภาษาทางการของสหประชาชาติ สหภาพ ยุโรป ยูเนสโก้ องค์การนาโต้สภาโอลิมปิกสากล ฯลฯ ภาษาใน 3 เมืองสำคัญของยุโรป Strasbourg , Bruxelles และ Luxembourg




7. ภาษา สำหรับการเปิดโลกทัศน์ นอกจากอังกฤษและภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ 3 ในอินเตอร์เน็ต การเข้าใจในภาษาฝรั่งเศส สามารถเข้าใจในโลกการสื่อสารกับต่างประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสทั่วทุกทวีป และการรู้ข่าวสาร ระหว่างประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส




8. ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ง่ายต่อการเข้าใจ มีวิธีมากมายที่จะสนุกกับการเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว




9. การ เข้าใจภาษาฝรั่งเศสช่วยในการเข้าใจภาษาอื่น โดยเฉพาะภาษาที่มีรากศัพท์มาจาภาษาละติน 50% ของคำศัพท์ภาษาอังกฤษในปัจจุบันมีส่วนคล้ายกับภาษาฝรั่งเศส




10. ภาษา แห่งความรักและจิตวิญญาณ การเข้าใจภาษาฝรั่งเศสเป็นความสุขในการเข้าใจภาษาที่สวยงาม ไพเราะ ซึ่งถูก เรียกว่าเป็นภาษาแห่งความรัก ภาษาฝรั่งเศสยังเป็นภาษาแห่งการวิเคราะห์ ที่ มีโครงสร้างให้เกิดความคิด พิจารณา วิพากษ์วิจารณ์ และสามารถใช้ในการ ปรึกษา เจรจา และการต่อรอง

วันพุธ, พฤศจิกายน 16, 2554


เฟอร์ดินานด์ แมกเจลแลน





เส้นทางเดินเรือรอบโลกของแมกเจลแลน




เฟอร์ดินานด์ แมกเจลแลน (โปรตุเกส: Fernão de Magalhães; สเปน: Fernando de Magallanes; อังกฤษ: Ferdinand Magellan; ประมาณ พ.ศ. 2023 – 27 เมษายน 2064) เป็นนักเดินเรือชาวโปรตุเกส

เกิดที่เมืองซาโบรซาหรือโปร์ตู ประเทศโปรตุเกส หลังรับราชการทหารที่อินเดียตะวันออกและที่โมร็อกโก มาเจลลันได้เสนอตัวทำงานให้กับประเทศสเปน

มาเจลลันได้เดินเรือออกจากเมืองเซวิลล์ในปี พ.ศ. 2062 เลาะไปตามชายฝั่งของ อเมริกาใต้ (แหลมเวอร์จิ้น) จนถึงมหาสมุทรที่มาเจลลันตั้งชื่อว่า "แปซิฟิก" ในปี พ.ศ. 2063


แมกเจลแลนถูกฆ่าตายในฟิลิปปินส์ แต่เรือของเขาก็ได้เดินทางกลับไปถึงสเปนในปี พ.ศ. 2065 ซึ่งเป็นการบรรจบรอบของการเดินทางรอบโลกเป็นครั้งแรก

ชื่อของช่องแคบมาเจลลันเป็นการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา

เฟอร์ดินันด์ แมกเจลลัน มีชีวิตอยู่ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถและสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐาธิราช) สมัยอยุธยา



ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


วันอังคาร, พฤศจิกายน 08, 2554

พ.ศ.นี้ เรียนภาษาไหน ถึงจะรุ่ง

เด็กดีดอทคอม :: พ.ศ.นี้ เรียนภาษาไหน ถึงจะรุ่ง

          เท่าที่พี่มิ้นท์รู้ว่าเนี่ย ตอนนี้หลายๆ โรงเรียนก็พยายามเพิ่มหลักสูตรสายศิลป์-ภาษา หรือเพิ่มรายวิชาเลือกที่เกี่ยวกับภาษามากขึ้น พี่มิ้นท์มองว่ามันดีมากๆ เลย แต่ตัวเลือกที่มันเยอะๆ แบบนั้น เชื่อว่าน้องๆ คงเลือกเรียนกันไม่ถูก คงได้แต่เลือกตามใจชอบ ถ้าอยากเรียนก็เรียน ไม่อยากเรียนฉันก็ไม่เรียน ดังนั้น วันนี้พี่มิ้นท์จะมาแนะนำภาษาที่สามให้น้องๆ ได้เลือกเรียนกัน ไว้เผื่อเลือกเรียนต่อ ม.4หรือเรียนต่อในมหาวิทยาลัยก็ได้
       
 ภาษาจีน          ประเทศยักษ์ใหญ่ระดับโลก มีอิทธิพลต่อโลกหลายอย่าง ที่สำคัญ คือ เรื่องของการค้า เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกเลยก็ว่าได้ ดังนั้นภาษานี้น่าเลือกมากๆ สำหรับคนที่อยากมีธุรกิจส่วนตัว ส่วนตัวแล้วมองว่าเป็นภาษาที่ยาก เขียนยาก อ่านยาก และท่องจำเยอะมากกก แต่ถ้าได้ภาษานี้ขึ้นมาก็คุ้มค่ามากๆ เลยล่ะ และถ้าพูดกันตามตรง ภาษานี้ก็เริ่มเกลื่อนแล้ว เพราะเป็นภาษาแรกๆ
ที่เปิดสอนเป็นภาษาที่สามในโรงเรียน ถ้ายังคิดว่ามันยาก ไปดูภาษาต่อไปกันเลย


 ภาษาญี่ปุ่น          หลายๆ คนอยากเรียนภาษานี้เพราะเป็นภาษาที่น่ารัก เมืองเค้าน่าเที่ยว และหวังว่าซักวันนึงจะได้ไปใช้ภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ความเป็นจริงแล้วภาษานี้ก็ไมได้ด้อยไปกว่าภาษาอื่นเลย แต่คนเลือกเรียนน้อยกว่าภาษาจีนก็เพราะว่ายากและจำเยอะเหมือนกัน ถ้าเรียนภาษานี้ต้องขอบอกว่าทำงานได้หลากหลายมากๆ เป็นล่ามแปลการ์ตูน แปลหนังสือ ยิ่งตอนนี้เนี่ยบริษัทญี่ปุ่นมาเปิดในไทยค่อนข้างมาก ธุรกิจของญี่ปุ่นจะเติบโตเร็ว มั่นคงและสวัสดิการดีมากๆ และรู้ๆ กันอยู่ว่าคนญี่ปุ่นจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ดังนั้นจะพูดภาษาไทยไม่ได้ด้วยก็คงไม่แปลก ดังนั้นถ้าเราได้ภาษาญี่ปุ่นและทำงานในองค์กรญี่ปุ่น(แม้จะอยู่ในประเทศไทยก็ตาม) รับรองว่ารวยเละ!!
          พี่มิ้นท์เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาประมาณ 5 ปีค่ะ และเคยมีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย (แต่ไปแค่สองอาทิตย์เองง่ะ) เท่าที่สัมผัสมานะ ที่นั่นเค้าไม่พูดภาษาอังกฤษกันเลยค่ะ แต่บางคนก็พยายามนะ ยิ่งพยายามยิ่งฟังยาก ดังนั้นถ้าคิดจะไปเที่ยวประเทศนี้ ในส่วนที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ๆ เตรียมตัวใช้ภาษาใบ้ได้เลย


 ภาษาเกาหลี          เป็นอีกหนึ่งภาษาในโซนเอเชียที่กำลังเป็นที่นิยม ทั้งหมดมันเริ่มต้นมาจากเกาหลีฟีเวอร์ทั้งดารา นักร้อง ซีรีย์ ฯลฯ แล้วเด็กไทยก็คลั่งไคล้แบบลืมชีวิต ความชื่นชอบทำให้หลายคนรู้สึกอยากเรียนภาษาขึ้นมา และปัจจุบันคนไทยก็เรียนภาษานี้เพิ่มขึ้น บางโรงเรียนก็เริ่มมีสอนแล้วด้วย ถ้าโรงเรียนใครไม่มี แต่อยากเรียน อาจจะต้องหาที่เรียนเพิ่มกันเองแล้วล่ะค่ะ
เด็กดีดอทคอม :: พ.ศ.นี้ เรียนภาษาไหน ถึงจะรุ่ง

ภาษาเยอรมัน            บางโรงเรียนก็มีภาษาเยอรมันเปิดสอน หรือหาเรียนเพิ่มเติมกันในตอนมหาวิทยาลัยก็ได้ ภาษานี้ยังไม่ใช่ภาษาที่ป๊อบ แต่น่าเลือกเรียนเพราะว่าความไม่ป๊อบนี่แหละค่ะ แม้ว่าคนเยอรมันจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่จะดีแค่ไหนถ้าเราได้ไปทำงานในเมืองเค้า และใช้ภาษาเค้าได้ ดังนั้นความที่ยังไม่ป๊อบ เราก็จะเป็นคนกลุ่มน้อยที่เรียน ซึ่งโอกาสในการหางานทำและได้เงินดีๆ นั้นมีมากทีเดียว อีกอย่างก็เป็นประเทศที่น่าอยู่และเศรษฐกิจก็ดีด้วย

 ภาษาสเปน           น้องๆ คงสงสัยว่าภาษานี้น่าเรียนตรงไหน จริงๆ แล้วภาษานี้เป็นภาษาที่มีคนเรียนมากเป็นอันดับที่2 ของโลกรองจากภาษาอังกฤษ และเป็นภาษาที่คนใช้เป็นภาษาแม่มากที่สุดในโลกรองจากภาษาจีนกลางอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งภาษาที่น่าเรียนและสนุก ส่วนภาษาที่คล้ายๆ กันในกลุ่มนี้ ก็เช่น ภาษาโปรตุเกส ภาษาฝรั่งเศส(แต่เค้าว่ากันว่าสเปนง่ายกว่าภาษาฝรั่งเศสมาก) ถ้าน้องๆ ได้มีโอกาสเดินทางหรือไปทำงานในแถบยุโรป มีภาษานี้ไม่ผิดหวังแน่นอน อ้อที่สำคัญ เป็น 1ใน 6 ภาษาทางการขององค์การสหประชาชาติด้วยนะ

 ภาษารัสเซีย           เค้าว่ากันว่าภาษานี้กำลังมาแรง ถึงขนาดมหาวิทยาลัยแห่งนึงเปิดสอนเป็นรัสเซียศึกษาและมีภาษารัสเซียให้เรียนกันเลยทีเดียว ความต้องการคนที่รู้ภาษานี้มีมาก ในขณะที่คนไทยรู้ภาษานี้น้อย ทำให้โอกาสในการทำงานมีสูงมากๆๆๆ แต่ก็เป็นอีกภาษานึงที่เรียนยากทีเดียว คนพูดเร็วกันติดจรวด ดังนั้น ต้องขยันท่องศัพท์ให้มากๆ ตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตนะคะ (ภาษารัสเซียก็เป็นภาษาทางการขององค์การสหประชาชาติเหมือนกัน)

 ภาษาเวียดนาม เขมร มาเลเซีย           ไม่ได้มาแนะนำกันมั่วซั่วนะคะ อย่าเพิ่งมองว่าเป็นภาษาที่ไม่น่าเรียน ภาษาของประเทศเพื่อนบ้านเราจะสำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าด้วยเหตุผลที่ว่า บทบาทของประชาคมอาเซียนจะมีมากขึ้น ซึ่งการมีกลุ่มประชาคมอาเซียนเข้ามา จะทำให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีความเสรีกันมากขึ้น ทั้งการทำงาน ภาษา วัฒนธรรม ตอนนี้กลุ่มประเทศรอบๆ เพื่อนบ้านเราเค้าก็เริ่มเรียนภาษาไทยกันแล้ว คิดดูแล้วกันว่าอีกหน่อยเปิดแบบเสรีขึ้นมาจริงๆ ประเทศเพื่อนบ้านเค้าได้ภาษาเราก็มาทำงานในบ้านเรา มาแย่งงานเรา ถ้าเราไม่ได้ภาษาอื่น(ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้) และฝีมือด้อยกว่าก็ตกงานนะจ๊ะ เอาเป็นว่าภาษากลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของเราน่าเรียนมากๆ เพื่ออนาคตล้วนๆ นอกจากนี้เวลาไปเที่ยวจะได้สบายด้วย เพราะสื่อสารกันได้  

เด็กดีดอทคอม :: พ.ศ.นี้ เรียนภาษาไหน ถึงจะรุ่ง


            แนะนำกันไปขนาดนี้ ใครสนใจภาษาไหนบ้าง ตอนนี้พี่มิ้นท์รู้สึกอยากเรียนภาษาสเปนอะ ว่างๆ หาโอกาสไปเรียนดีกว่า :) สุดท้ายอยากย้ำกับน้องๆ ทุกคนว่า ภาษาเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในสมัยนี้ เราจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจกันก็ด้วยภาษาที่เราสื่อสาร และมันจะมีอิทธิพลต่อเรามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหน้าที่การงาน รายได้ ฯลฯ ดังนั้นทุกภาษามีความสำคัญเท่ากันหมด ถ้าเรารู้จักนำภาษานั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์จริงๆ

            ปล1. ในการสอบPAT หมวดภาษาต่างประเทศ มีภาษาให้เลือก คือ จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมัน อาหรับ และบาลี            ปล2. พี่มิ้นท์เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสด้วย ยากมาก เรียนไม่ไหว ฮ่าๆ ใครมีประสบการณ์เรียนภาษาไหนบ้าง มาแชร์กัน

เด็กดีดอทคอม :: พ.ศ.นี้ เรียนภาษาไหน ถึงจะรุ่ง

ที่มา เด็กดี ขอบคุณค่าาา
                      

5 วิธี! เก็บหนังสือไม่ให้เปียก ในวิกฤตน้ำท่วม!

เด็กดีดอทคอม :: 5 วิธี! เก็บหนังสือไม่ให้เปียก ในวิกฤตน้ำท่วม!



1.ย้ายขึ้นที่สูง วิธีเบสิคมากๆ สำหรับคนที่มีบ้านหลายชั้น ลงแค่แรงเพียงอย่างเดียว อยากให้ปลอดภัยแค่ไหน ก็ไว้สูงเท่าที่จะขนขึ้นไปได้ อันนี้น้องๆ ก็ต้องตามข่าวนะคะว่าพื้นที่ของเราเสี่ยงน้ำท่วมกี่เมตร จริงๆ แล้ว แค่ชั้น 2-3 ก็น่าจะรอดแล้วค่ะ

               สำหรับใครที่ไม่สามารถย้ายไปไหนได้จริงๆ อาจจะด้วยอยู่บ้านชั้นเดียว หรือเก็บไว้ในตู้แล้วหนังสือเยอะมาก หรือชั้น 2 ขนของขึ้นไปเก็บจนเต็มแล้วก็ตาม ถ้าจำเป็นต้องให้มันจมจริงๆ ลองดูวิธีเหล่านี้ดูค่ะ
              2.หุ้มด้วยถุงพลาสติกหลายๆ ชั้น ย้ำว่าหลายๆ ชั้น มัดให้แน่นหนา ก่อนนำมาใช้ก็ดูให้ดีว่าถุงไม่รั่ว ที่สำคัญควรเป็นถุงที่มีความหนาหน่อย เพราะไม่งั้นเกี่ยวนู่นเกี่ยวนี่อาจจะขาดได้ง่ายๆ ถุงหนาๆ จะกันน้ำไปในตัวด้วย(เคยเห็นมั้ย ถุงหนาๆ เวลาโดนน้ำ น้ำจะจับเป็นก้อนไหล แต่ถุงไม่เปียก) เป็นวิธีที่ใช้งบน้อย แต่ก็ได้ผลเหมือนกัน

              3.ใส่ถุงใส่กับข้าว วิธีนี้อาจจะสิ้นเปลืองหน่อย ให้เราเอาหนังสือใส่ถุงกับข้าวทีละเล่ม พับส่วนที่เกินให้เรียบร้อย แล้วใช้สก็อตเทปพันปิดปากถุงให้สนิท หนึ่งถุงต่อหนึ่งเล่มค่ะ ถ้าเราพันถุงไว้แน่นหนาพอ น้ำก็ไม่เข้าแน่นอน ถ้าเกิดน้ำท่วมขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถลอยได้ด้วย เพราะหนังสือเล่มเดียวมันจะเบากว่าการแพ็คใส่ลัง

              4.ใส่ลังพลาสติก แบบมีฝาล็อค แบบที่แม่ค้าขนเสื้อผ้าไปขายของ พอปิดฝาแล้วก็ยิงกาวซิลิโคนรอบๆ ฝาปิด แล้วใส่ถุงมัดให้แน่น กาวซิลิโคนราคาหลอดละไม่เกิน 200  บาท หวังว่าคงไม่ใจดำขึ้นราคากันนะ T^T ตอนนี้ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะใช้ติดแน่นกันน้ำได้ผลดีจริงๆ หรือถ้าหาซื้อลำบาก ใช้สก็อตเทปแแบบเหนียวๆ ทนๆ พันไว้รอบๆ หลายๆ รอบ

              แต่ถ้าหนังสือที่ใส่กล่องไม่เต็ม ก็ยัดถุงพลาสติกเข้าไปด้วยก็ได้ ซึ่งคุณสมบัติของลังพลาสติกก็จะหนาแน่น กันน้ำเข้าได้แน่นอน ยิ่งยิงกาวซิลิโคนที่กันน้ำเข้าไปอีก ใส่ถุงอีกครั้ง รับรองน้ำหน้าไหนก็ไม่เข้ากล่องซักหยด

เด็กดีดอทคอม :: 5 วิธี! เก็บหนังสือไม่ให้เปียก ในวิกฤตน้ำท่วม!

              5.ถ้าหนังสืออยู่ในตู้ที่มีฝาหรือประตูปิด ก็ใช้วิธีเดียวกัน คือ ใช้กาวซิลิโคน ยิงรอยต่อ/ ขาพับ ของตู้ให้หมดทุกด้าน รับรองว่าหนังสือก็ไม่เปียก แต่แนะนำเพิ่มเติมว่าควรหาอะไรหนุนใต้ตู้ให้สูงซักหน่อย เพราะถ้าเป็นไม้ ตู้อาจจะเสียได้นะ

ที่มา เด็กดี ขอบคุณค่าาา

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 03, 2554

หนังไทยขาดวิตามินเอ็ม (มันนี่) ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต


มีโอกาสไปดูภาพยนตร์หรือเรียกกันง่าย ๆ ว่า “หนัง” หลายเรื่องทั้งหนังไทย หนังเทศ ล่าสุดได้ไปชมหนังคนโขน ร่วมกับ นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เห็นแล้วก็ชื่นชมผู้สร้างที่มีหัวใจไทย อยากถ่ายทอดความเป็นไทยให้คนไทยภาคภูมิใจกัน

มาถึงเรื่องของการส่งเสริมอุตสาห กรรมภาพยนตร์กัน บทบาทหน้าที่นี้ เป็นของ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ซึ่งเรื่องของการสนับสนุนเกี่ยวกับภาพยนตร์ จะเป็นภารกิจของ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) ซึ่งที่ผ่านมาผู้บริหารวธ.ได้พยายามผลักดันการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทั้งกลุ่มของผู้กำกับหน้าใหม่ ภาคเอกชน แต่งบประมาณที่รัฐบาลสนับสนุนแต่ละครั้ง เพียงแค่ระดับร้อยล้านบาทเท่านั้น!!!!

ในปีงบประมาณ 2555 วธ.ได้เสนอของบประมาณสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์จำนวน 500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบประมาณ สนับสนุนด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ 400 ล้านบาท และพัฒนาบทภาพยนตร์ 100 ล้านบาท ถือว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ภาครัฐเห็นความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากขึ้น เพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์นำรายได้เข้าสู่ประเทศมากโขอยู่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ เช่น สาธารณรัฐเกาหลีที่ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่ใช่เงินวอนหรือเงินบาท ลองคิดดูว่า เขาจะพัฒนาอุตสาหกรรมของเขาได้มากขนาดไหน เพียงแค่ส่งละครเกาหลีมาขายในบ้านเราก็รวยอื้อซ่ากันแล้ว

ล่าสุดได้อ่านข้อมูลจากนิตยสาร อาร์ตสแควร์ ของ สศร.พบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติอย่างน่าสนใจ จึงอยากนำมาสะท้อนให้ทุกฝ่ายและอยากให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยเฉพาะการจัดเทศกาลภาพยนตร์ประจำของประเทศไทย ที่ทุกวันนี้ ไร้งบประมาณและไม่มีการวางแผนการจัดงานอย่างจริงจังทำให้ งานเทศกาลภาพยนตร์ของไทยต้องชะงักงันไป

ซึ่งในข้อมูลของอาร์ตสแควร์ ระบุไว้ว่า เทศกาลหนังที่สำคัญของโลก โดยเฉพาะในยุโรป จะมีเทศกาลภาพยนตร์เมือง คานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส เป็นเทศกาลหนังเบอร์หนึ่งของโลก หนังที่จะฉายที่นั่นได้จะต้องห้ามฉายที่อื่นก่อน (ยกเว้นเฉพาะประเทศของผู้กำกับนั้น ๆ) จะเป็นเทศกาลหนังที่เน้นตัวผู้กำกับ ผลงานของผู้กำกับชั้นนำของโลก โดยเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์มักจะได้รับการยอมรับมากกว่าเทศกาลอื่น ส่วนที่รองลงมาจากคานส์ จะเป็นงานเทศกาลภาพยนตร์ เวนิส และงานเทศกาลภาพยนตร์ เบอร์ลิน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่มีความเก่าแก่เช่นกัน
ในส่วนของสหรัฐอเมริกา เทศกาลภาพยนตร์ โตรอนโต ชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยนัก แต่เป็นงานที่ใหญ่สุดในอเมริกาเหนือ ซึ่งสหรัฐอเมริกาไม่มีเทศกาลหนังที่มีความสำคัญระดับโลก จึงทำให้โตรอนโตเป็นเทศกาลสำคัญที่จะทำให้เข้าถึงตลาดหนังอเมริกันไปด้วย และถ้าภาพยนตร์เรื่องใดเป็นที่สนใจของที่นั่น นั่นก็หมายถึงตลาดทั่วโลกด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม เทศกาลที่โด่งดังมากที่สุดในสหรัฐ จะเป็นเทศกาลหนังอินดี้ที่ชื่อ ซันแดนซ์ เคยมีความสำคัญในช่วงทศวรรษ 1990 แต่เมื่อหนังอินดี้อเมริกาเสื่อมคลาย จึงทำให้ลดบทบาทเป็นเพียงงานระดับประเทศเท่านั้น

ขณะที่งานเทศกาลภาพยนตร์ ร็อตเตอร์ดัม ซึ่งจัดขึ้นปลายเดือนมกราคมของทุกปีที่เนเธอร์แลนด์ ก็ให้ความสำคัญกับหนังอินดี้จากทั่วทุกมุมโลก กลับมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะชื่อเสียงในการค้นพบผู้กำกับหน้าใหม่ที่จะโด่งดังในอนาคต ร็อตเตอร์ดัมสนับสนุนผู้กำกับอินดี้แทบทุกรูปแบบ ไม่เพียงแต่ฉายหนังเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการให้ทุนทำหนังที่ชื่อฮูเบิร์ตบอลล์ฟันด์ และเทศกาลหนังนี้แหละที่เป็นผู้สนับสนุนภาพยนตร์เรื่องแรก ดอกไม้ในมือมาร (Mysterious Object at Noon) ของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ตั้งแต่เพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ จากชิคาโก...ผู้กำกับสำคัญล่าสุดของไทยอย่าง อาทิตย์ อัสสรัตน์ อโนชา วีระเศรษฐกุล และ ศิวโรจน์ คงสกุล ล้วนเกิดจากการชนะรางวัลที่เทศกาลหนังนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

งานเทศกาลภาพยนตร์ โลคาร์โน ทางตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์แห่งนี้ ก็กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้ว่ามีความสำคัญอยู่ในลำดับที่ 4 รองจากคานส์ เวนิส และเบอร์ลิน จากเดิมที่มีความสำคัญเพียงในระดับภูมิภาคยุโรปนั้น หนังของผู้กำกับรุ่นเก่ารุ่นใหม่จะไปฉายโชว์และประกวดที่นั่นทุกเดือนสิงหาคม

สำหรับในเอเชียนั้น คงจะต้องยกประโยชน์ให้กับ ฮ่องกง และ ปูซาน ในฐานะศูนย์กลางสำหรับเลือกหนังเอเชีย ฮ่องกงจัดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1977 เพราะเป็นเวทีสำคัญที่จะเลือกงานจากประเทศจีน จากจุดที่เริ่มต้นก่อนประเทศใด ๆ ในเอเชียจึงกลายเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเทศกาลหนังจากทั่วโลกให้มาเยือน

ในช่วงห้าปีหลังที่ผ่านมา ปูซาน กลายเป็นเทศกาลหนังเอเชียที่มีความสำคัญอย่างรวดเร็วด้วยการจัดการที่เข้มแข็ง จุดเด่นของปูซานอยู่ตรงที่สามารถรวบรวมงานทุกอย่างเกี่ยวกับภาพยนตร์ไว้ได้หมด ทั้งฉายหนัง ตลาด การให้ทุนแก่ผู้กำกับอิสระ งานสัมมนาทั้งในเชิงอุตสาหกรรมและวิชาการ งานเลี้ยงต่าง ๆ จึงทำให้ปูซานได้รับความสนใจจากคนทุกมุมโลกที่หยิบยกงานเทศกาลต่าง ๆ มานำเสนอนั้น จะทำให้เห็นว่า การจัดงานเทศกาลทำให้เกิดการแข่งขันและเกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่สำคัญ จะทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาชมหนังและแหล่งท่องเที่ยวในประเทศนั้น ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลในเรื่องของรายได้ที่จะเข้ามามหาศาลอีกด้วย

การพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย นางสุกุมล ได้บอกไว้ว่า จะต้องมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้ครอบคลุมทั้งหมด รวมทั้งจะต้องมีการพัฒนาบุคลากรด้านภาพยนตร์ของเราด้วย ซึ่งการนำไปร่วมงานเทศกาลต่าง ๆ ก็เป็นจุดหนึ่งที่เปิดตัวหนังไทย และผู้กำกับหน้าใหม่ ที่สำคัญล่าสุด สศร.กำลังดำเนินการโครงการส่งเสริมผลักดันให้เมืองที่มีศักยภาพเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองวัฒนธรรมสร้างสรรค์ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ผลักดันให้เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ให้เป็นเครือข่ายเมืองวัฒนธรรมสร้างสรรค์  ด้านภาพยนตร์ ของยูเนสโกด้วย

“เราจะต้องหารือกับทางรัฐบาลในการหางบประมาณมาสนับสนุนการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ของไทยและจะหางบประมาณมาสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์มากขึ้น ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพื่อพัฒนาวงการภาพยนตร์ก็ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. 2551 จัดตั้งกองทุนดังกล่าว โดยขณะนี้กำลังจัดทำรายละเอียดจัดตั้งกองทุน และอยู่ระหว่างดำเนินการของบฯปี 2555 ประมาณ 200 ล้านบาทมาเป็นทุนดำเนินการ” รมว.วัฒนธรรม กล่าว

อย่างไรก็ตาม บทบาทของการส่งเสริมภาพยนตร์ยังคงต้องดำเนินต่อไป และต้องแก้ปัญหาเรื่องงบประมาณที่เกิดขึ้น รวมทั้งต้องหารือกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะรัฐบาลและภาคเอกชนว่าจะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยนั้นเติบโตได้อย่างเข้มแข็งและมีความต่อเนื่องเหมือนกับประเทศอื่น ๆ บ้าง???.

มนตรี ประทุม