วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 28, 2555

อนุสัญญาไซเตส

ไซเตส (CITES)เป็นคำย่อของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (The Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) หรือเรียกกันทั่วไปว่า อนุสัญญาวอชิงตัน (Washington Convention)
จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 ถือเป็นอนุสัญญาที่นานาชาติร่วมมือกันเพื่อควบคุมการค้า การนำเข้า การส่งออก การนำผ่านแดน และการขนส่งสัตว์ป่า ไม่ให้กระทบกระเทือนต่อการอยู่รอดของชนิดพันธุ์นั้นๆ ด้วยการสร้างเครือข่ายทั่วโลก ในการควบคุมการค้าระหว่างประเทศ (International Trade) ทั้งสัตว์ป่า พืชป่าและผลิตภัณฑ์ แต่อนุสัญญาไซเตสไม่มีส่วนในการควบคุมการค้าภายในประเทศสำหรับชนิดพันธุ์ท้องถิ่น (Native Species) ปัจจุบันสำนักงานเลขาธิการ CITES ตั้งอยู่ที่กรุงโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บริหารงานโดยองค์การ UNEP (United Nation Environment Programme) และได้รับทุนสนับสนุนจากประเทศภาคีที่ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 135 ประเทศ (พ.ศ. 2540)

ประเทศไทยกับไซเตส
ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฉบับแรก เมื่อ พ.ศ. 2503 ซึ่งเน้นการสงวนคุ้มครองสัตว์ป่าชนิดพันธุ์ที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก มิได้ครอบคลุมไปถึงสัตว์ป่าที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในต่างประเทศซึ่งถูกนำเข้ามาในประเทศไทยเพื่อการค้า เพื่อกิจการสวนสัตว์หรือเพื่อการเพาะพันธุ์ ทำให้ประเทศไทยถูกพิจารณาลงโทษจากกลุ่มประเทศภาคี อนุสัญญาไซเตสด้วยการห้ามทำการค้าสัตว์ป่าและผลิตภัณฑ์กับประเทศไทย (Trade ban) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2534
ต่อมาในเดือนกุมภาพันธุ์ปี 2535 ประเทศไทยได้ตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการนำเข้า ส่งออก และนำเข้าผ่านซึ่งชนิดสัตว์ป่าที่อนุสัญญาไซเตสควบคุม ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาไซเตส ลำดับที่ 80 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการอนุสัญญาไซเตสประจำประเทศไทยขึ้น โดยให้มีหน้าที่ดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ และให้คำปรึกษาแก่รัฐมนตรี ในเรื่องที่เกี่ยวกับอนุสัญญาไซเตสในประเทศไทย และกำหนดให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่โดยตรง ทำหน้าที่ควบคุมและดูแลชนิดพันธุ์ที่ไซเตสควบคุม ดังนี้
1. สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ รับผิดชอบเรื่องสัตว์ป่า
2. กองควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร รับผิดชอบเรื่องพืชป่า
3. กองอนุรักษ์ทรัพยากรประมง กรมประมง รับผิดชอบเรื่องปลาและสัตว์น้ำ
ในส่วนของกรมป่าไม้ สำนักงานอนุสัญญาไซเตสขึ้นตรงต่ออธิบดีกรมป่าไม้ โดยมีผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าเป็นหัวหน้างาน

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 15, 2555

4 ประโยคแก้ง่วงแบบ "หลับไม่ลง"

4 ประโยคแก้ง่วงแบบ "หลับไม่ลง"

เด็กดีดอทคอม :: 4 ประโยคแก้ง่วงแบบ "หลับไม่ลง" (สำหรับเด็ก ม.ปลาย)


 1.คิดจะหลับ คิดถึง "เกรด"

      ประโยคนี้  ความรุนแรงพอแสบๆ คันๆ ให้เราได้คิดถึงจุดประสงค์ที่มาเรียนว่า "มาเพื่ออะไร????" ถ้าเกิดเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีตามเรื่องที่ติวเตอร์สอนไม่มันแล้ว เสียดายแย่ ยิ่งถ้าส่วนนั้นเป็นข้อสอบหล่ะก็ โอย ขนลุก!!!

2.คณะในฝัน ไม่เข้าข้างคนหลับ

     เด็ก ม.6 ที่จะแอดมิชชั่น  แสบซึ้งถึงทรวงค่ะ ไม่มีอะไรจะช้ำไปกว่าคะแนนสอบเข้าคณะในฝันไม่ได้อีกแล้ว เพราะการแข่งขันในการสอบเข้า คะแนนเพียง 0.001 คะแนนก็มีค่า ที่จะทำให้เราได้เข้าไปเรียนในคณะที่ต้องการได้หรือเปล่า

     ดังนั้น น้องๆ ที่ไปเรียนพิเศษกันทุกคน จึงต้องแข่งขันกันเต็มเหนี่ยว เก็บทุกเม็ด ทุกประโยคที่ติวเตอร์สอน เพื่อไม่ให้พลาดอะไรไป เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดหลับ หรืองีบไปในตรงไหน อาจจะเป็นการเสียเปรียบไปซะอย่างนั้นเลยนะคะ (ขนลุกอีกรอบ)

3.อยากหลับไม่ว่า ระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า

     แทงใจ!!  นึกไม่ออกเหมือนกันว่า น้ำตาจากเรื่องไหน แต่หลอนแล้วหล่ะ ว่าต้องระวังทุกครั้งที่จะแอบหลับ ผลของสิ่งที่จะตามมา ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ อย่างน้อยๆ ถ้าหลับแล้วถูกติวเตอร์จับได้ แอบประจานหน้าห้อง ก็อายแล้วหล่ะหนึ่งอย่าง


4.ค่าคอร์สนี้แม่ออกให้ หลับไปอกตัญญู

     ดราม่า!!  เอากันให้ซึ้งกันถึงบุญคุณบุพการีค่ะ เพราะค่าคอร์สที่คุณพ่อกับคุณแม่จ่ายมาให้ ต้องแลกกันหยาดเหงื่อแรงงานของท่านสักแค่ไหน ท่านต้องทำงานวันละกี่ชั่วโมงถึงได้มา บางครั้งต้องต่อโอที ต้องไปทนปวดเมื่อย เพื่อนให้น้องๆ ได้เพิ่มพูนความรู้อย่างที่ต้องการ ดังนั้น ก่อนจะหลับ คิดถึงท่านสักนิดค่ะ


เด็กดีดอทคอม :: 4 ประโยคแก้ง่วงแบบ "หลับไม่ลง" (สำหรับเด็ก ม.ปลาย)
 
ที่มา เด็ก-ดี.คอม

[BIGBANG] รองเท้าของท็อปมันช่างแพงอะไรอย่างนี้ !! & แรงบันดาลใจสีผมอิปู่

Christian Louboutin's Havana Trash Men's Flat. Spring-Summer 2012 Collection. $895 USD.รองเท้าของคริสเตียน  โลบูแตงราคา$895 USD.ก็คูณ 35 เค้าไป ประมาณ 31325  บาทเอง...แล้ววีไอพีรู้หรือยังว่า ตังค์ที่เราจ่ายไปมันอยู่ไหน??????????,(แต่ปกติอิปู่มันก็รวยยอยู่แล้วนะ)
Photo from: THE TOP
C: 爱tg不解释 @ baidu



--------------------------------------------------------
มาดูกันว่าสีผมอิปู่มีแรงบันดาลใจมากจากอะไร
.
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
..
.
.

..
.

10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

ถ้าหากจะพูดถึงสิ่งสกปรกที่อยู่รอบๆ ตัวเรา หรือพูดถึงสถานที่ที่สกปรกเต็มไปด้วยเชื้อโรค ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่เรานึกถึงคงไม่พ้นลูกบิดประตูในห้องน้ำ หรือราวจับบนรถประจำทาง ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกค่ะ สิ่งของพวกนั้นมันก็มีเชื้อโรคแฝงอยู่จริงๆ นั่นแหละ แต่พี่เหมี่ยวจะบอกให้นะคะว่าจริงๆ แล้วเชื้อโรคและความสกปรกอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด บางทีก็แฝงอยู่กับของใช้ส่วนตัวที่เราใช้อยู่เป็นประจำทุกวันก็ได้ ...

     ไม่เชื่อก็ลองมาดู "10 ของใช้ใกล้ตัวที่สกปรกที่สุด" ดูแล้สิคะ ... อ่านแล้วจะสยอง -..-*

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

>> ฟองน้ำล้างจาน
     ด้วยวัสดุและรูป ลักษณ์ของมันที่เต็มไปด้วยรูพรุนที่สามารถใหน้ำ อากาศ ออกซิเจน เศษอาหารเข้าไปอาศัยอยู่ จึงเป็นแหล่งชุมชนแออัดของเหล่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี แล้วคิดดูสิคะว่า ฟองน้ำที่เราใช้ล้างจานอยู่ที่บ้านทุกวันนั้นจะสกปรกแค่ไหน (-*-) ... อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เราสามารถทำความสะอาดฟองน้ำให้ปราศจากเชื้อโรคได้โดยวิธีง่ายๆ คือ เอาไปต้มหรือให้ความร้อนผ่านไมโครเวฟซัก 60 วินาที แค่นี้ก็จัดการกับเชื้อโรคตัวร้ายได้แล้วล่ะ

>> อ่างล้างจาน
     เชื่อรึเปล่าคะว่า บริเวณอ่างล้างจานในบ้านเรา แต่ละตารางนิ้วนั้นมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 500,000 ตัว OMG!!! ตายแล้วน่ากลัวมากๆ ... วิธีทำความสะอาดขจัดคราบที่คู่ควรกับตัวเลขห้าแสนนี้ ก็คือ ใช้โซดาไฟหรือน้ำส้มสายชูราดทำความสะอาดมันซะ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าตามไปอีกที

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!! >> อ่างอาบน้ำ
     คิดไม่ถึงล่ะสิว่า ที่นี่จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเหมือนกัน ก็แหม คิดดูสิคะ ถ้าเราแช่น้ำในอ่างทุกวันคราบความสกปรกจากร่างกายเราก็ไปติดอยู่ที่อ่างมาก มาย และถ้าเราไม่หมั่นทำความสะอาดล่ะก็ รับรองได้เลยค่ะว่าอ่างอาบน้ำของเราจะเป็นฟาร์มเพราะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี เลยทีเดียว ... วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรทำความสะอาดมันสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อยนะคะ

>> รีโมททีวี
     กดกันได้กดกันดี เป็นอุปกรณ์ประจำบ้านที่กดกันทั้งครอบครัว แต่เชื่อเถอะค่ะว่า กว่า 90% เรามักจะไม่ได้ทำความสะอาดมันทั้งๆ ที่เราออกจะหยิบสอยใช้มันออกจะบ่อย ทำความสะอาดบ้านครั้งหน้าก็อย่าลืมหยิบรีโมทไปเช็ดถูกันบ้างนะคะ
 
>> ตะกร้าช้อปปิ้ง
     เป็นสิ่งของที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็น ของสด ของแห้งจากตลาด หรือความสกปรกจากพื้นเวลาที่เราวางตระกร้า สาระพัดสาระเพเชื้อโรคจากทั่วทุกสารทิศก็มารวมกันอยู่ที่ตระกร้าใส่ของที่เราใช้อยู่ทุกวันนี่ล่ะค่ะ -*-

>> ฝาที่นั่งชักโครก
     ฝาชักโครกที่บ้านเราอาจจะสะอาด(ประมาณนึง) เพราะเราทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ แต่ฝาชักโครกสาธารณะตามสถานที่ต่างๆ นี่สิคะน่ากลัวเป็นที่สุด โดยมีรายงานระบุว่า ทุกตารางนิ้วบนฝานั่งชักโครกมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 295 ตัว -*-

>> โทรศัพท์มือถือ
     เดี๋ยวหยิบมาโทรคุย เดี๋ยวหยิบมาดูหนังฟังเพลง เดี๋ยวหยิบมาเล่นเกมส์ ... เชื่อไหมคะว่าโทรศัพท์มือถือที่เราใช้กันอยู่ประจำในชีวิตประจำวันนั้น เพียบพร้อมไปด้วยปัจจัยความเจริญของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิอุ่นๆ เหมือนร่างกายมนุษย์ที่เชื้อโรคชอบ พร้อมซอกซอยร่องหลืบง่ายต่อการกบดานหลบหนี และยังเต็มไปด้วยโภชนาการและอาหารจากน้ำลายและขี้ไคลมนุษย์(แหวะ!!) แค่คิดก็สยองแล้วล่ะค่ะ

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

>> คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์
กินข้าว กินขนม แต่งหน้า หวีผม หรือบางคนก็เม้าท์พ่นไฟแชทหน้าเวบแคม รู้รึเปล่าคะว่าคีย์บอร์ดนั้นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีเลยทีเดียวล่ะค่ะ โดยเฉพาะเศษอาหาร ผิวหนัง เหงื่อไคลต่างๆ ที่ผู้ใช้คอมทำตกลงไปในคีย์บอร์ด -*- ซึ่งหลายคนก็ไม่ค่อยสนใจหรอกค่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่ความสกปรกต่างๆ มันจะตกลงไปในร่องคีย์บอร์ด ทำให้ยากต่อการมองเห็นว่าสกปรกและยากต่อการทำความสะอาด ทำให้ไม่มีใครสนใจจะทำความสะอาดกันเท่าไหร่นัก จึงทำให้คีย์บอร์ดกลายเป็นแหล่งหมักหมมเพาะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี รายงานระบุว่าคีย์บอร์ดที่ได้รับการสำรวจนั้นสกปรกกว่าฝานั่งชักโครกถึง 40 เท่าเลยทีเดียว OMG!!!!

>> สวิตช์เปิด
จะบอกให้นะคะว่าเชื้อโรคมักจะไปสะสมอยู่ตามปุ่มสวิทปิดเปิดไฟที่ต้องกดกันอยู่ทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าทุกๆ ตารางนิ้วบนสวิตช์ไฟที่เราเอานิ้วไปโดน เชื้อโรคสามารถย้ายสำมโนครัวตามติดมือไปได้ถึง 217 ตัวเลยล่ะค่ะ

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

>> เงิน ได้แก่ ธนบัตร เหรียญ
     มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่ แต่มีเชื้อโรคอยู่แบบนี้เขาเรียกว่า หายนะ ค่ะ!!! ... แบงค์ที่เราหยิบจ่ายซื้อของกันอยู่ทุกวันนี้ มีเชื้อโรคอยู่ประมาณ 135,000 ตัว และพวกเราทุกคนก็มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคนั้นกันอยู่ทุกครั้งที่จับแบงค์ ตายแล้ว แล้วแบบนี้จะทำยังไงกันล่ะคะ T^T

     ... เชื้อโรคร้ายใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิดจริงๆ ด้วยล่ะค่ะ แบบนี้เราคงจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะอาดมากขึ้นแล้ว ทางที่ดีไปไหนมาไหนพกเจลล้างมือติดกระเป๋าไว้ ไปจับไปสัมผัสอะไรถ้าไม่แน่ใจเรื่องความสะอาดก็จัดการล้างมือฆ่าเชื้อไว้ก่อน วิธีนี่ก็น่าจะช่วยได้นะคะ
ที่มา เด็ก-ดี

ว้าว!! ยานอวกาศจากนาซา พบสายแร่บนดาวอังคาร

วัสดีค่าน้องๆ.... ถ้าพูดถึงดาวอังคาร น้องๆ จะนึกถึงอะไรคะ พี่มิ้นท์จะนึกถึงดาวสีโทนร้อน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความเชื่อกันว่าดาวดวงนี้ จะเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ แต่เรื่องจริงจะเป็นอย่างไร นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ก็พยายามหาคำตอบด้วยการส่งยานอวกาศนานาชนิดไปสำรวจ 
เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ยานอวกาศจากนาซา พบสายแร่บนดาวอังคาร

ภาพสายแร่บนดาวอังคาร ความยาวประมาณ 18 นิ้ว (45 เซนติเมตร) 

           ซึ่งการสำรวจหลายๆ ครั้ง ก็ได้ข้อพิสูจน์ใหม่ๆ เพียบ เรียกว่าแต่ละอย่างน่าสนใจทั้งนั้น ล่าสุด องค์การนาซ่าก็ได้ค้นพบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมมาอีกแล้ว จะเป็นอย่างไร ลองไปอ่านกันเลย

           องค์การนาซ่า ได้ส่งยานอวกาศชื่อว่า Mars Exploration Rover Opportunity (มาร์เอกซ์พลอเรชันโรเวอร์ออพพอร์ทูนิตี) ไปยังดาวอังคารเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2004 โดยมีหน้าที่หลัก คือ การไปสำรวจพื้นผิวดาวอังคาร ซึ่งตลอด 8 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ภาพสวยๆ ที่ถ่ายได้จากดาวอังคารไว้ศึกษาจำนวนมาก และล่าสุดยานลำนี้ก็ได้ส่งภาพที่น่าสนใจมาอีกครั้ง ในภาพเป็นก้อนวัตถุสีขาวเป็นทางยาว ซึ่งเป็นสายแร่ที่ได้จากการบันทึกภาพของกล้องที่ติดอยู่บนตัวยาน โดยพบสายแร่นี้ที่บริเวณภูเขาไฟเอ็นดีฟเวอร์ (Endeavour) ค้นพบเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011 ที่ผ่านมา

         
แล้วการค้นพบนี้มีประโยชน์ยังไง??
เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ยานอวกาศจากนาซา พบสายแร่บนดาวอังคาร

สายแร่บนดาวอังคาร มีชื่อย่างไม่เป็นทางการว่าโฮมสเตค (Homestake)

          หลังจากเห็นภาพนี้แล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์ออกมาว่า สายแร่นี้มีธาตุแคลเซียมและกัมมะถันในปริมาณมาก อัตราส่วนที่บ่งบอกว่าเป็นแคลเซียมซัลเฟตบริสุทธิ์ อาจเป็นองค์ประกอบที่เป็นแร่ยิปซัม (Gypsum) ที่พบบนโลก โดยมีสูตรทางเคมีคือ CaSO4·2H2O แร่ยิปซัมถูกจำแนก
อยู่ในประเภทแร่อโลหะ มีโครงสร้างผลึกแบบระบบโมโนคลินิก

          การค้นพบสายแร่ยิบซัมเป็นเรื่องปกติมากๆ สำหรับโลกของเรา เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ แต่เป็นเรื่องที่แปลกมากที่พบบนดาวอังคาร นักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่า การเกิดแร่ยิบซัมมีกระบวนการที่ซับซ้อนมาก เริ่มจากธาตุที่เป็นองค์ประกอบพัดผ่านมากับสายน้ำจนเกิดการทับถมและเกิดการตกตะกอน เป็นเวลานานและเกิดการระเหยของน้ำที่สูงมาก ดังนั้น การค้นพบสายแร่นี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้ความรู้ใหม่ และกระตุ้นให้มีการศึกษาเกี่ยวกับธรณีวิทยาของดาวอังคารอย่างจริงจัง รวมถึงพี่มิ้นท์และน้องๆ ชาว Dek-D.com เองก็ได้ความรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมบนดาวอังคารมากขึ้นด้วย

เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ยานอวกาศจากนาซา พบสายแร่บนดาวอังคาร

          ถึงแม้ว่ายานมาร์เอกซ์พลอเรชันโรเวอร์ออพพอร์ทูนิตีจะอยู่สำรวจบนดาวอังคารมานานแล้ว แต่ก็ยังต้องอยู่เดินหน้าสำรวจต่อไป เพื่อค้นหาแหล่งแร่ที่มีกระบวนการเกิดแบบนี้ต่อไป อีกหน่อยเราอาจจะได้รู้วิวัฒนาการของดาวอังคารด้วยหลักฐานทางธรณีวิทยาก็เป็นได้^^
 
          แม้จะเป็นเรื่องไกลตัว (ไกลมากเลยล่ะ เพราะอยู่ถึงนอกโลก) แต่ก็เป็นความรู้ใหม่ๆ ที่พี่มิ้นท์คิดว่าน้องๆ ควรรู้ไว้บ้างก็ดี เพราะทุกวันนี้เราสนใจแต่เรื่องราวบนโลกไม่ได้แล้ว แม้แต่นักวิทยาศาสตร์เองยังพยายามหาที่อยู่ใหม่ให้กับสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย เผื่อวันนึงเราอาจจะได้ไปอยู่บนดาวอังคารจริงๆ ก็ได้ ว่าแล้วก็รีบเก็บตังค์สร้างยานดีกว่า ฮ่าๆ  (เริ่มจิ้นหนักแล้ว แว๊ก!!)

ที่มา เด็ก-ดี

DIVA ?

ดีวา (อังกฤษ: diva) คือนักร้องหญิงที่มีชื่อเสียง เป็นคำที่ใช้อธิบายถึงผู้หญิงที่มีความสามารถอันโดดเด่นในวงการเพลงอุปรากร นอกจากนั้นอาจรวมถึงในด้านละครเวที ภาพยนตร์ ดนตรีป็อป
ในภาษาอังกฤษ คำว่า ดีวา เริ่มมีการใช้ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยได้รับมาจากคำนามในภาษาอิตาลี ดีวา ที่เป็นเทพธิดา พหูพจน์ในภาษาอังกฤษใช้ว่า "divas" ส่วนในภาษาอิตาลีใช้ว่า dive [ˈdiːve]
คำว่า "ดีวา" มักใช้เป็นความหมายด้านลบ อธิบายหมายถึงผู้มีชื่อเสียงด้านภาพยนตร์หรือดนตรี ที่มีความต้องการสุดโต่งและจุกจิกจู้จี้ ในด้านความอภิสิทธิ์ส่วนตัว

วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 02, 2555

เชื่อหรือไม่เชื่อ? "มือถือ" ก่อ "มะเร็งสมอง" ได้!

 เชื่อหรือไม่เชื่อ?
"มือถือ" ก่อ "มะเร็งสมอง" ได้!

 


 
 
เด็กดีดอทคอม :: เชื่อหรือไม่เชื่อ?  "มือถือ" ก่อ "มะเร็งสมอง" ได้!  
       น้องๆ ชาว Dek-D คงเคยได้ยินเรื่องโทรศัพท์มือถือก่อมะเร็งสมองอยู่บ้าง เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาก็มีข่าวต่างๆ ว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนถึงคลื่นแม่เหล็กจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ถือเป็นสารก่อมะเร็งได้ แล้วก็ยังมีบทความต่างๆ จากสื่อชื่อดังของต่างประเทศ ที่ล้วนอ้างอิงจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศเขา อย่าง USA Today, New York Times, Wall Street Journal, Reuters, CNN และอีกหลายสำนัก  ออกมาเล่าข่าวเฝ้าระวังเรื่องรังสีแม่เหล็กที่ส่งผ่านจากเครื่องมือสื่อสารต่างๆ และเป็นห่วงการใช้โทรศัพท์มือถือที่นับวันยิ่งใกล้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของทุกคนในโลกไปแล้ว ยิ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีการศึกษาถึงผลกระทบของเจ้ามือถือกับสมองและร่างกายมนุษย์ต่างๆ มากขึ้น



           แต่ไม่ใช่ว่าจะมีแต่งานวิจัยที่สนับสนุนว่า "มือถือก่อมะเร็ง" เท่านั้นนะคะ ยังมีงานวิจัยอื่นๆ จากนักวิจัยชาวเดนมาร์กที่บอกว่า "การใช้โทรศัพท์มือถือไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดเนื้องอกในสมอง" และก็ยังมีนักวิชาการชาวออสเตรเลียยืนยันอีกว่า ใช้มือถือคุยโทรศัพท์ไม่ก่อให้เป็นโรคมะเร็งแน่นอน ดังนั้น ตอนนี้ก็ยังคงมีการศึกษาถึงผลกระทบเรื่องนี้อยู่โดยตลอด แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์ ได้เขียนหนังสือเรื่อง  "Disconnect: The Truth About Cell Phone Radiation, What the Industry Has Done to Hide It, and How to Protect Your Family" ชื่อหนังสืออ่านแล้วรู้สึกว่าจะตีแผ่วงการอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนความจริงเรื่องผล(เสีย?)ของการใช้โทรศัพท์มือถือไว้ และแนะนำความจริงเกี่ยวกับรังสีจากโทรศัพท์มือถือ รวมถึงวิธีป้องกันครอบครัวด้วย พี่เกียรติเองก็ไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้หรอกค่ะ ไม่น่ามีคนแปลไทยขาย และพี่เกียรติคงไม่สั่งซื้อข้ามประเทศเช่นกัน ฮ่าๆ แต่ก็พอมีคนเขียนแนะนำหนังสือเล่มนี้ และสัมภาษณ์ผู้เขียนอยู่บ้าง ซึ่งมีประเด็นน่าสนใจที่พี่เกียรติจะเล่าให้ฟังดังนี้ค่ะ


 
เด็กดีดอทคอม :: เชื่อหรือไม่เชื่อ?  "มือถือ" ก่อ "มะเร็งสมอง" ได้!
    "หลายๆ ที่คาดการณ์ว่า โทรศัพท์มือถืออาจทำลายเซลล์สมองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กๆ เรื่องรังสีจากโทรศัพท์เคลื่อนที่จึงถือเป็นเหตุฉุกเฉินระดับสากล (Cell phone radiation is a national emergency) ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีผลการศึกษาว่า รังสี/คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโทรศัพท์ทำให้ดีเอ็นเอถูกทำลาย และเพิ่มภาวะการสูญเสียความทรงจำ เสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ และมะเร็ง 

ผลระยะยาวของรังสีเครื่องมือต่างๆ มีความสำคัญมาก แม้โทรศัพท์จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาทันที แต่หากเปรียบเทียบกับผู้ได้รับกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดใหญ่ที่ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น คนกลุ่มนี้ในช่วงสิบปี หรือยี่สิบปีต่อมาก็ไม่ได้มีอัตราคนเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น แต่ผลกลับมีผู้เป็นมะเร็งมากขึ้นตามนัยทางสถิติในอีกช่วง 40 ปีต่อมาจากเหตุการณ์นั้น อันเป็นการสะสมของผลกระทบจากรังสีทั้งสิ้น และก็เป็นเรื่องเดียวกับผู้ที่สูบบุหรี่หรืออยู่ข้างๆ คนสูบบุหรี่มาตลอดช่วง 10 แรกก็ไม่มีผลทางสุขภาพอะไรใหญ่โตอะไร แต่พอ 20 ปี 30 - 40 ปี ก็กลายเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่ทีเดียว ดังนั้น สถิติต่างๆ นี้จึงมีความน่าสนใจในการนำมาเปรียบเทียบมาก เมื่อมีการสงสัยกันว่า แล้วผลของการใช้โทรศัพท์มือถือมาตลอด 10 ปีจะมีความเสี่ยงมะเร็งสมองอย่างไร ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีการศึกษากันอยู่"


     พี่เกียรติว่าน่าสนใจทีเดียว น้องๆ ชาว Dek-D หรือตัวพี่เอง ก็ไม่ได้มีอายุมากพอที่จะใช้โทรศัพท์มานานได้ถึง 10 ปี แต่ผลกระทบระยะยาวที่จะทำให้เราเสียสุขภาพแบบนี้ก็น่าคิด ยาพิษแบบไม่ออกผลทันที แต่ค่อยๆ สะสมในร่างกาย จนเมื่อเกิดอาการก็เกินเยียวยารักษาแบบนี้มีถมไป นักวิจัยกลุ่มที่บอกว่าโทรศัพท์ไม่มีผลต่อมะเร็งสมอง เขาใช้เหตุผลว่า เพราะรังสีไม่สามารถผ่านกระโหลกเราไปถึงสมองได้ แต่เมื่อพี่เกียรติคิดอีกทีถ้า ศีรษะของเด็กๆ ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ กระโหลกของเด็กก็ไม่หนาเท่าผู้ใหญ่ ดังนั้น ใครที่ใช้โทรศัพท์มือถือแต่เด็กก็มีความเสี่ยงที่รังสีแม่เหล็กจะถึงเนื้อสมอง และเข้าไปทำลายเซลล์ต่างๆ ได้ล่ะสินะ


       
   เด็กดีดอทคอม :: เชื่อหรือไม่เชื่อ?  "มือถือ" ก่อ "มะเร็งสมอง" ได้!
Devra Davis นักเขียนหนังสือดังกล่าวแนะนำว่า "เพื่อหลีกเลี่ยงรังสีไม่พึงประสงค์จากโทรศัพท์มือถือเหล่านี้ ให้ใช้มือถือแต่จำเป็น และใช้อุปกรณ์เสริมเช่น บลูทูธ หูฟัง แทนการแนบตัวโทรศัพท์กับหูและศีรษะของเรา ปิดโทรศัพท์เมื่อเข้านอน และอย่าไว้ใกล้ศรีษะเวลานอนด้วย" 


         เอาล่ะสิ ผลวิจัยจากนักวิชาการก็มีทั้งผลบวก ผลลบ ออกมาแก้ลำกันไป มีเหตุผลน่าเชื่อถือกันไปทุกฝ่าย ที่นี้เลยกลายเป็นปัญหาของผู้บริโภคเสียเอง ที่ต้องตัดสินใจแล้วว่า "ตกลงเจ้ามือถือที่ว่านี่ดีหรือร้ายต่อสมองเรากันแน่" แล้วผู้ใช้อย่างเราๆ อย่างน้องๆ อย่างพี่เกียรติก็ไม่ใช้นักวิชาการรังสีวิทยาหรือเชี่ยวชาญโรคมะเร็งแต่อย่างไร ใครจะไปฟันธงฉึบฉับได้ ดังนั้น ตัวเราเองนี่แหละ ทำอะไรได้ก็ต้องทำไป ป้องกันอะไรได้ก็ควรป้องกันไว้ก่อน เรื่องโรคภัยไข้เจ็บไม่ได้เข้าใครออกใคร ไม่ต้องรอผลวิจัย 10 ปี แล้วค่อยตัดสินใจป้องกันก็ได้ใช่ไหม?
 

ท่านอนอันตราย!!!! ที่ทุกคนต้องควรระวัง

 ท่านอนอันตราย

มนุษย์ใช้เวลานอนนานถึงหนึ่งในสามส่วนของอายุขัย กล่าวคือ
ปกติคนเราจะนอนวันละประมาณ 8 ชั่วโมง
ทารกเกิดใหม่อาจนอนมากกว่า 12 ชั่วโมง
เด็กนอนวันละ 10-12 ชั่วโมง
ผู้ใหญ่นอน 8-10 ชั่วโมง
และเมื่อมีอายุมากขึ้นเวลานอน จะน้อยลงตามลำดับ
การนอนเป็นการพักผ่อนกล้ามเนื้อที่ใช้งานมาตลอดวัน อิริยาบถต่าง ๆ ล้วนใช้กล้ามเนื้อเพื่อต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก

การนอนจึงเป็นท่าที่กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย และเป็นช่วงที่อวัยวะต่าง ๆ ทำการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
สร้างสารต่าง ๆ ที่ถูกใช้หมดไปกลับคืนมาเตรียมตัวที่จะทำงานใหม่ เมื่อตื่นนอน
ในยามนอนหลับ สมองจะสร้างสารสื่อและสารช่วยความจำ ระบบภูมิคุ้มกันจะสร้างสารภูมิคุ้มกัน ระบบต่อมไร้ท่อจะสร้างฮอร์โมน
การนอนจึงมีความสำคัญมากต่อการดำรงชีวิตที่มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ
ในกรณีที่นอนไม่หลับตลอดคืน หรือถูกปลุกให้ตื่นตลอดเวลา
ไม่ช้าไม่นานคน ๆ นั้นจะมีสภาพจิตที่ไม่ปกติ กล้ามเนื้อจะปวดเมื่อย เกร็งแข็ง และกินอาหารไม่ได้

ถึงแม้การนอนจะมีความสำคัญมาก แต่การนอนในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี นอนในสถานการณ์ที่ไม่ควรนอน
หรือท่านอนที่ไม่เหมาะสมกับสุขภาพของบุคคลผู้นั้น อาจทำให้เป็นโรคหรือผู้ที่เป็นโรคอยู่แล้วอาจทำให้สูญเสียชีวิตจากท่านอนที่ผิดได้



นอนในท่านั่ง
อุบัติเหตุทางรถยนต์หลาย ๆ รายเกิดจากการที่คนขับหลับใน
ในเวลาที่นั่งขับรถอยู่ นอกจากนี้การนั่งหลับในรถเมล์จากสภาพจารจรที่ติดขัด หรือนั่งรถในเวลากลางคืน มักจะทำให้เกิดอาการปวดร้าวไปทั่วร่างกาย
เนื่องจากร่างกายยังอยู่ในสภาพต่อต้านแรงโน้มถ่วงของโลก อาการที่พบบ่อยคือปวดคอ กระดูกคอเคลื่อนเมื่อรถหยุดกะทันหัน
ปวดหลัง มือชา ขาชา มือบวม ขาบวม และปวดข้อเข่า ปวดหัว มึนศีรษะ เมารถ และมีบางรายหน้ามืด เป็นลมได้
เพราะนอกจากเลือดจะสูบฉีดขึ้นสมองไม่พอแล้วในบรรดารถปรับอากาศประจำทาง อากาศที่มาจากช่องลมไม่บริสุทธิ์
ถ้าจำเป็นต้องเดินทางไกลควรมีปลอกคอค้ำไว้ หรือเอาผ้าพันคออย่างหนา เช่น ผ้าขนหนูพันรอบคอไว้ ซึ่งนอกจากจะช่วยไม่ให้คอตก
และถูกกระชากเวลานอนหลับแล้วยังรักษาความอบอุ่นของร่างกายได้
ควรใส่ถุงน่องรัดขาไว้เพื่อให้เลือดคั่งที่ขาน้อยลง ในกรณีที่ปรับที่นั่งให้เอนลงได้
ควรยกขาขึ้นไม่ให้ห้อยลงตลอดเวลา



ปัจจุบันเกือบเป็นปกติวิสัยที่คนเรามักเฝ้าดูโทรทัศน์จนหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในท่านั่ง
ทำให้เกิดอาการปวดต้นคอ ปวดหลัง และเจ็บก้นกบได้
อีกกรณีที่พบบ่อยคือคนเมาเหล้ามักจะนอนหลับไปขณะนั่งอยู่ และแขนอาจจะห้อยลงจากพนักพิงของเก้าอี้ โดยที่รักแร้วางทับอยู่กับสันของพนักเก้าอี้นั้น
พอตื่นนอนพบว่าแขนข้างนั้นชาจนไม่มีความรู้สึก และบางครั้งก็ยกแขนไม่ขึ้นเป็นเวลานานหลายวัน
เพราะกดถูกหลอดเลือดและเส้นประสาทใต้รักแร้ ทำให้แขนขางนั้นอ่อนแรงลง
และสูญเสียความรู้สึกไป ในรายที่รุนแรงมากอาจเป็นอัมพาตของแขนข้างนั้นไปเลย
การนอนหลับในท่านั่ง จึงเป็นท่าที่อันตรายควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง




นอนหงาย
ปกตินอนหงายเป็นท่านอนที่คนปกตินิยมนอน ข้อดีคือต้นคอจะอยู่ในแนวเดียวกับร่างกายถ้าไม่หนุนหมอน
หรือใช้หมอนต่ำ แต่ถ้าใช้หมอนสูง 2-3 ใบ จะทำให้คอก้มมาข้างหน้าทำให้ปวดคอได้



ผู้ที่ความดันสูงอาจหายใจลำบากในท่านอนหงาย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจ การทำงานของหัวใจ จะลำบากในท่านอนหงายราบ
เพราะไม่สามารถสูบฉีดเลือดออกจากหัวใจได้ เกิดภาวะหายใจขัด คนที่เป็นโรคหัวใจมักจะต้องลุกขึ้นนั่งหรือยืน จึงหายใจสะดวกขึ้น
สำหรับผู้ที่เกิดอาการปวดหลังอย่างเฉียบพลัน การนอนหงายในท่าราบทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้นได้
ควรให้พาดขาทั้งสองไว้บนเก้าอี้ที่ใช้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหรือวางพาดบนเตียงนอนขณะนอนหงายราบบนพื้นไม้ที่มีเสื่อปู




ท่านอนตะแคงซ้าย
เป็นท่านอนที่ช่วยลดอาการปวดหลังได้ แต่ควรมีหมอนข้างให้กอดและพาดขาได้
ข้อเสียของการนอนตะแคงซ้าย
คือทำให้หัวใจซึ่งอยู่ข้างซ้ายเต้นลำบาก ในรายที่มีโรคปอดข้างขวา ทำให้หายใจไม่สะดวก เนื่องจากปอดข้างซ้ายที่ปกติจะขยายตัวไม่ได้เต็มที่
อาหารในกระเพาะถ้ายังย่อยไม่หมดก่อนเข้านอนจะคั่งอยู่ในกระเพาะทำให้เกิดลมจุกเสียดที่กระดูก

ลิ้นปี่ได้ ซึ่งเป็นตำแหน่งของกระเพาะข้างซ้ายที่ติดขัดอาจเจ็บปวดจากการนอนทับเป็นเวลานาน
และถ้าหนุนหมอนต่ำเกินไป ในท่านี้จะทำให้ปวดต้นคอได้ เนื่องจากคอตกมาทางซ้าย
ซึ่งอาจแก้ไขได้โดยใช้หมอนสี่เหลี่ยมที่มีความสูงเท่าความกว้างของบ่าซ้าย ขาข้างซ้ายอาจรู้สึกชา ถ้าถูกทับเป็นเวลานาน




ท่านอนตะแคงขวา
เป็นท่าที่ดีที่สุด ถ้าเทียบกับการนอนหลับในท่าอื่น ๆ เพราะหัวใจเต้นสะดวกและอาหารจากกระเพาะ ถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี
ทำให้ไม่คั่งค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานเกินไป และเป็นท่านอนที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้
แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้เจ็บ ปวดหัวไหล่ขวา ปวดคอถ้าใช้หมอนต่ำเกินไป หายใจไม่สะดวก

ถ้าปอดข้างซ้ายมีปัญหา และขาข้างขวาถูกทับจนชาได้




ท่านอนคว่ำ
แต่ก่อนเคยเข้าใจว่าทารกควรให้นอนคว่ำรูปหัวจะทุยสวย ไม่แบน แต่ปัจจุบันพบว่าในประเทศยุโรป หรืออินเดีย ทารกมีโอกาสเสียชีวิต
เนื่องจากหายใจไม่ออกจากการที่จมูกหรือปากถูกทับไว้ โดยเฉพาะถ้านอนคว่ำและดูดนมอยู่บนอกมารดา หรือพื้นเตียงอ่อนนิ่มเกินไป
นอกจากนั้นยังพบว่าน้ำนมอาจขย้อนออกมาในท่านี้
เนื่องจากนอนทับถูกกระเพาะอาหาร และถูกดูดเข้าไปในปอดได้
สำหรับผู้ใหญ่ การนอนคว่ำทำให้หายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะในสตรีที่มีเต้านมใหญ่
สำหรับผู้ชายการนอนคว่ำทำให้อวัยวะเพศถูกทับอยู่ตลอดเวลา อาจกระตุ้นให้เกิดอาการฝันเปียก หรือเกิดอาการชาของอวัยวะเพศ
การนอนคว่ำยังทำให้ต้นคอ เกิดอาการปวดได้ เนื่องจากต้องเงยมาข้างหลัง หรือบิดหมุนไปข้างซ้าย หรือข้างขวานานเกินไป
ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำ ควรหาหมอนรองใต้ท้องหรือใต้ทรวงอก โดยเฉพาะถ้าต้องการอ่านหนังสือในท่านอนคว่ำเพื่อไม่ให้เมื่อยคอ



นอนดิ้น
ที่จริงไม่ใช่ท่านอนใดท่านอนหนึ่ง คือ นอนหงาย นอนตะแคงซ้าย ตะแคงขวา นอนคว่ำ สลับกันไปเช่นอย่างเด็ก ๆ ที่ชอบนอนกลิ้งตัว แต่หัวเตียงไปจนถึงปลายเตียง
จนอาจตกเตียงไปเลย แต่ท่านอนดิ้นน่าจะเป็นท่านอนที่ดีสำหรับผู้ใหญ่ เนื่องจากปรับท่านอนไปเรื่อย ๆ ตลอดเวลา ของการนอนหลับ
เมื่ออายุสูงขึ้นการนอนดิ้นมักจะน้อยลง นอนหลับในท่าไหนมักจะตื่นขึ้นมาจากท่านั้นจึงทำให้เกิดอาการชาของแขนขาได้ หรือหายใจไม่สะดวก

การนอนเปลี่ยนท่าบ่อย ๆ จึงเป็นวิธีนอนหลับที่ดี โดยทั่วไปคนเราจะนอนหลับคืนละประมาณ 3-4 รอบ ๆ ละ 2 ชั่วโมง คือนอนหลับไม่ฝันและฝันสลับกันไป
ขณะที่เราฝันกล้ามเนื้อจะอ่อนปวกเปียก ทำให้หายใจลำบาก หรือเกิดภาวะผีอำ คือวางแขนกดทับอยู่บนทรวงอกจนหายใจขัด แต่ไม่สามารถยกแขนออก
ดังนั้นถ้าทุกครั้งที่เรารู้สึกตัว เมื่อผ่านภาวะฝันไปแล้วในแต่ละรอบ เราควรจะเปลี่ยนท่านอนจากท่าเดิมเป็นอีกท่าหนึ่งที่สบายขึ้น
ไม่ควรปล่อยให้แขนขาชาเนื่องจากถูกทับจนขาดเลือด หรือไม่ได้ขยับตลอดคืน


การนอนหลับเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี
ดังนั้นจึงควรปฏิบัติให้ถูกต้อง เช่นเดียวกับการปฏิบัติตนในเวลาตื่นนอน

อ้างอิงที่มาจากเว็บหมอชาวบ้าน

เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !

เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !
        CIA ย่อมาจาก Central Intelligence Agencies ... Central แปลว่าส่วนกลาง , Intelligence แปลว่า ข่าวกรอง , Agency แปลว่า หน่วยงาน ... หากแปลตรงตัวจะแปลว่า "หน่วยงานส่วนกลางข่าวกรอง" แต่ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องก็คือ "หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา" มีจุดมุ่งหมายในการสืบข่าวกรองข้อมูลลับในต่างประเทศโดยเฉพาะทางด้านการทหารที่ส่งผลต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา
เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !
ทางเข้าสำนักงาน CIA รัฐเวอร์จิเนีย อเมริกา
ข่าวกรองคืออะไร ? ข่าวกรองมักเป็นเรื่องราวที่สำคัญและเป็นความลับของแต่ละชาติ ซึ่งจะหาไม่ได้ด้วยวิธีธรรมดา แต่จะได้จากการดำเนินงานแบบลับๆ โดยใช้คนหรือเทคโนโลยีพิเศษต่างๆ (ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล) หรือหากใช้วิธีต่างๆ แล้วก็ยังหาข่าวกรองไม่ได้ ก็สามารถใช้อีกวิธีหนึ่งคือ การประมวลเรื่องราวต่างๆ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ที่น่าจะเกิดขึ้น ทำให้สามารถล่วงรู้ถึงความลับของอีกชาติหนึ่งได้ .... อ่านแบบนี้แล้ว น้องๆ คงพอเห็นภาพใช่มั้ยคะว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน CIA เค้าต้องทำงานกันแบบลับสุดยอดแน่ๆ เลย .... ถูกต้องค่ะ !! เพราะแม้แต่จำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดใน CIA ก็ไม่มีใครในโลกนี้รู้แบบเป๊ะๆ ว่ามีกี่คนกันแน่
        และถ้าพูดถึง "เจ้าหน้าที่ CIA" น้องๆ คงติดภาพของนักสืบเท่ๆ ที่เห็นในภาพยนตร์กันใช่มั้ย ? แต่ต้องบอกก่อนว่า จริงๆ แล้วในหน่วยงาน CIA นั้น มีอาชีพมากมายหลายตำแหน่งมาก เช่น โปรแกรมเมอร์ (รักษาข้อมูลลับของประเทศ) ทนายความ (ไว้ขึ้นศาลเวลามีคดี) นักวิทยาศาสตร์ (ตรวจสอบอาวุธ) แพทย์ (ดูแลสุขภาพเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ) และอีกอาชีพที่สำคัญมากกกกกกกกแบบขาดไม่ได้ เพราะเป็นภาพลักษณ์ขององค์กรที่น้องๆ จำติดตาจากภาพยนตร์นั่นก็คือ "นักวิเคราะห์" หรือสายลับที่ต้องทำงานเป็นนักสืบนั่นเองค่ะ ซึ่ง "นักวิเคราะห์" ที่ว่านั้น ก็มีหลากหลายประเภทแตกต่างกันไปตามเรื่องที่ต้องสืบ จะมีอะไรบ้าง ลองอ่านดูได้เลย !
เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !
Military Analyst (นักวิเคราะห์ทางการทหาร)
นักวิเคราะห์ทางการทหารต้องมีความสนใจในเรื่องการทหาร ยุทธศาสตร์ กลวิธี และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทหาร โดยมีหน้าที่ต้องทำการค้นคว้าวิจัย สรุป และเขียนประเมินเกี่ยวกับอาวุธ สงคราม ผู้ก่อการร้าย และความสามารถทางการทหารของประเทศอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอเมริกา .... ใครเป็นพวกชอบดูหนังสงคราม ชอบติดตามข่าวทหารล่ะก็ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากๆคุณสมบัติ เรียนจบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์การทหาร

เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !
Political Analyst (นักวิเคราะห์ทางการเมือง)
นักวิเคราะห์ทางการเมืองมีหน้าที่วิเคราะห์สภาพทางการเมืองของภูมิภาคต่างๆ ในโลก เช่น เอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ ยุโรป ละตินอเมริกา เพื่อดูว่าการทำงานของรัฐบาลและนโยบายต่างๆ ของในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ค่านิยม สภาพสังคม ส่งผลยังไงบ้างต่อผลประโยชน์ของอเมริกา .... ใครชอบติดตามข่าวต่างประเทศ รู้สึกสนุกกับการอ่านข่าวการเมือง ถือว่าโอเคมากๆ เลยค่ะ ฝึกไว้เยอะๆ อนาคตได้เป็นนักวิเคราะห์ทางการเมืองแน่นอน
คุณสมบัติ เรียนจบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ความปลอดภัยของชาติ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา การเมืองเปรียบเทียบ และสามารถใช้ภาษาที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคนั้นที่จะทำงานได้อย่างดี เช่น จะเป็นนักวิเคราะห์การเมืองของจีน ก็ต้องใช้ภาษาจีนได้ดี

เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !
Leadership Analyst  (นักวิเคราะห์ความเป็นผู้นำ)
นักวิเคราะห์ความเป็นผู้นำมีหน้าที่ประเมินผู้นำของชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐศาสตร์ การทหาร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วัฒนธรรมสังคม เพื่อช่วยให้รัฐบาลอเมริกาสามารถทำความเข้าใจและประสานความร่วมมือกับผู้นำชาติอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น .... ว้าววว เจ๋งอะ วันดีคืนดีอาจจะต้องวิเคราะห์ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีเหนือก็ได้ว่ามีแผนที่จะทำอะไร หรืออาจจะต้องปลอมตัวเข้าเกาหลีเหนือด้วยก็ได้นะ น่าตื่นเต้นดี แต่ถ้าถูกจับได้ล่ะก็ ...คุณสมบัติ เรียนจบด้านจิตวิทยา จิตวิทยาการเมือง สังคมวิทยา มานุษยวิทยา และ มีความสามารถในการวิจัยเป็นอย่างดี

เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !
Counterterrorism Analyst (นักวิเคราะห์การต่อต้านการก่อการร้าย)นักวิเคราะห์การต่อต้านการก่อร้ายมีหน้าที่ประเมินกระบวนการของกลุ่มก่อการร้ายทั่วโลก โดยเน้นเป้าไปที่ผู้นำกลุ่มก่อร้ายว่ามีการทำงานยังไง มีแรงขับเคลื่อนอะไร หรือมีแผนการอะไรในอนาคตบ้าง รวมถึงมีใครให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย .... ใครชอบก่อการร้าย เอ๊ย ชอบติดตามข่าวเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้าย เช่น อัลไกด้า อัลกออิดะห์ ฮีสบอนเลาะห์ ล่ะก็ เหมาะเลยคุณสมบัติ เรียนจบด้านกิจการระหว่างประเทศ ความปลอดภัยของชาติ โดยเฉพาะหากมีความรู้หรือเชี่ยวชาญประเทศในแถบตะวันออกกลางและเอเชียใต้จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !
Counterintelligence Threat Analyst (นักวิเคราะห์การคุกคามต่อต้านข่าวกรอง)นักวิเคราะห์การคุกคามต่อต้านข่าวกรองมีหน้าที่ประเมิน ควบคุม และวิเคราะห์การทำงานของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศที่พยายามจะเข้ามาคุกคามหรือล้วงความลับบุคคลสำคัญทางการเมืองของอเมริกา รวมถึงพยายามหาแผนป้องกันหน่วยข่าวกรองต่างประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ... คนที่เหมาะจะทำงานนี้คงต้องอยากรู้อยากเห็นเป็นพิเศษ เพราะต้องทำตัวเป็นสายลับหน่วยสอดแนมสุดๆ เพื่อล้วงความลับของฝ่ายตรงข้ามให้ได้คุณสมบัติ เรียนจบด้านกิจการระหว่างประเทศ ความปลอดภัยแห่งชาติ ธุรกิจระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ หรือวิศวกรรมไฟฟ้า และมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ที่แยบยล
เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !
Economic Analyst (นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์)
นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มีหน้าที่วิเคราะห์นโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ รวมถึงสภาพทางการเงินของแต่ละประเทศ โดยนักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ของแต่ละภูมิภาคจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับภูมิภาคนั้นเป็นอย่างดี  ได้แก่ เอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ รวมถึงระบบการทำงานของธนาคารโลก ตลาดหุ้น การติดต่อทางการเงิน สถาบันทางการเงิน นอกจากนี้นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ต้องทำงานร่วมกันกับนักวิเคราะห์ทางการทหารอย่างใกล้ชิด เพราะมีหน้าที่ประเมินการทำผิดกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น ค้าอาวุธ คอรัปชั่น ... ใครอยากเรียนเศรษฐศาสตร์แล้วชอบตั้งคำถามว่า จบเศรษฐศาสตร์ไปทำงานอะไรได้ ? นี่แหละค่ะ หนึ่งในคำตอบที่ดีที่สุด ^^ คุณสมบัติ เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การจัดการธุรกิจ การจัดการระหว่างประเทศ หรืออาชญากรรมทางการเงิน และต้องมีความสนใจในด้านการเงินระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก

เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !
Weapons Analyst (นักวิเคราะห์อาวุธ)
นักวิเคราะห์อาวุธมีหน้าที่ประเมินประเด็นที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของชาติที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ เช่น พัฒนาการของอาวุธในต่างประเทศ จำนวนปริมาณของอาวุธที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำสงคราม ซึ่งต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคเข้าช่วย ... ตอนเด็กๆ ใครชอบเล่นปืน ชอบดูเครื่องบิน หรือไล่จับผู้ร้าย พยายามอีกหน่อยก็อาจจะได้เป็นนักวิเคราะห์อาวุธก็ได้นะใครจะไปรู้คุณสมบัติ เรียนจบด้านวิศวกรรมการบิน วิศวรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมนิวเคลียร์ ฟิสิกส์ เคมี วิศวกรรมเคมี ชีววิทยา ชีวเทคโนโลยี

เด็กดีดอทคอม :: เบื้องหลังสายลับ CIA (ซีไอเอ) เท่กว่าที่คิด !

        และที่สำคัญมากๆ คือ ทาง CIA เค้าจะบอกทุกๆ คนในองค์กรว่า เมื่อคนรอบข้าง เช่น เพื่อน ครอบครัว ตัวบุคคล หรือองค์กรอื่นๆ รู้ว่าเราทำงานใน CIA เค้าเหล่านั้นอาจจะเกิดความสนใจอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับ CIA ซึ่งบางทีอาจจะไม่ใช่การประสงค์ดีก็ได้ และที่สำคัญคือ เราไม่สามารถควบคุมหรือบังคับเค้าได้ว่า ห้ามบอกคนอื่นต่อนะ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่แม้แต่พ่อแม่อาจจะไม่รู้ว่าลูกตัวเองทำงานให้กับ CIA !! .... ว่าแต่น้องๆ ล่ะ ถ้าเลือกได้อยากเป็นนักวิเคราะห์อะไรคะ ?? พี่เป้ ขอเลือกนักวิเคราะห์ความเป็นผู้นำละกัน น่าตื่นเต้นเร้าใจดี สืบเรื่องคนดัง หุหุ

ที่มา เด็กดี