วันพุธ, กรกฎาคม 31, 2556

เปิดชื่อเล่น 50 รัฐในอเมริกา

อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า"สหรัฐอเมริกา"เป็นประเทศที่มีบทบาทมากในประชาคมโลกข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่าสหรัฐอเมริกามีพื้นที่ขนาด9.63ล้านตารางกิโลเมตรมีประชากรราว313ล้านคนทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่3หรือ4ของโลกและมีประชากรมากเป็นอันดับที่3ของโลกสหรัฐอเมริกามีรูปแบบการปกครองแบบสหพันธรัฐ(FederalRepublic)แบ่งอำนาจออกเป็น3ฝ่ายภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแต่ละฝ่ายได้รับเลือกในลักษณะที่แตกต่างกันออกไปจึงมีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกันและได้การแบ่งเขตรัฐกิจเพื่อแยกอำนาจการปกครองปัจจุบันสหรัฐอเมริกาประกอบด้วยรัฐ50รัฐและ50รัฐนี้ก็กลายไปเป็นสัญลักษณ์"ดาว"ทั้ง50ดวงบนผืนธงชาติสหรัฐอเมริกานั่นเอง

    ...คนส่วนใหญ่น่าจะคุ้นหูกับชื่อรัฐหลายๆชื่อของสหรัฐอเมริกาแต่ทราบไหมว่าทั้ง50รัฐนี้ก็มี"ชื่อเล่น"กับเขาเหมือนกันเราไปดูกันดีกว่าครับว่าแต่ละรัฐนั้นมีชื่อเล่นหรือฉายาอะไรกันบ้าง


1.อลาบามา(Alabama)ถูกขนานนามว่า“มลรัฐแห่งนกเยลโลว์แฮมเมอร์”(TheYallowhammerState)ซึ่งเจ้านกYallohammerคือนกชนิดหนึ่งตัวเล็กหัวคอและอกมีสีเหลืองนกชนิดนี้เป็นสัญญาลักษณ์ของรัฐอลาบามาจึงถูกนำมาตั้งเป็นชื่อเล่นของรัฐนี้


2.อลาสกา(Alaska) มีสองชื่อเล่นคือ“พรมแดนสุดท้าย”(TheLastFrontiea)และ“ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน”(LandoftheMidnightSun)เพราะเป็นมลรัฐที่ใหญ่ที่สุดและอยู่ห่างไกลแผ่นดินใหญ่ที่สุดทางทิศเหนือติดพรมแดนประเทศแคนาดา


3.อริโซนา(Arizona)ได้รับการตั้งชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า“มลรัฐแห่งแกรนด์แคนยอน”(GrandCanyonState)เนื่องจากGrandCanyonเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลอันประกอบด้วยหุบเขาสูงและลึกชั้นหินสูงละลิ่วและมีแม่น้ำColoradoไหลผ่านถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นTheMustของบรรดานักเดินทางที่มาเยือนทีเดียวทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์และชื่อเล่นของมลรัฐนี้ไปโดยปริยาย


4.อาร์แคนซอส์(Arkansas)เป็นรัฐที่ถูกขนานนามอย่างไม่เป็นทางการว่า“มลรัฐแห่งธรรมชาติ”(ThenaturalState)เพราะประกอบด้วยป่าไม้ไร่อ้อยฝ้ายข้าวและถั่วเหลืองอันอุดมสมบูรณ์


5.แคลิฟอร์เนีย(California)รัฐที่ชื่อคุ้นหูนี้ถูกเรียกเล่นๆว่า“มลรัฐแห่งทองคำ”(GoldenState)เนื่องจากในศตวรรษที่19มีการตื่นทอง(TheGoldRush)เกิดขึ้นในมลรัฐนี้จนเกิดคำพูดว่า“GoWestYoungMan”(ถ้าอยากรวยหรืออยากสาบสูญก็ต้องไปขุดทองทางตะวันตกของประเทศ)นอกจากนี้สัญลักษณ์ของมลรัฐนี้คือสะพานแขวนGoldenGateในเมืองSanFranciscoและHollywoodเมืองอุตสหกรรมภาพยนตร์นั่นเอง


6.โคโลราโด(Colorado)“มลรัฐเฉลิมฉลองหนึ่งศตวรรษ”(CentennialState)มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศงดงามเช่นวนอุทยานเทือกเขาร๊อกกี้และสถานที่เล่นสกีอันเลื่องลือ


7.คอนเนกติกัต(Connecticut)เป็นอีกรัฐที่มีสองชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งรัฐธรรมนูญ”(TheConstitutionState)และ“มลรัฐแห่งผลจันทน์เทศ”(NutmegState)nutmegเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งคือผลจันทร์เทศนอกจากนี้มหาวิทยาลัยเยล(YaleUniversity)ก็อยู่ในมลรัฐนี้


8.เดลาแวร์(Delaware)มีสามชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งเพชร”(DiamondState)“มลรัฐหมายเลขหนึ่ง”(FirstState)และ“โลกมหัศจรรย์ใบน้อย”(SmallWonder)


9.ฟลอริดา(Florida)“มลรัฐแห่งตะวัน”(SunshineState)เพราะเป็นมลรัฐที่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเลมีแสงแดดอบอุ่นตลอดทั้งปีมีแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกคือDisneyWorldและชายหาดMiamiอันสวยงาม


10.จอร์เจีย(Georgia)มีสองชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งลูกพีช”(PeachState)และ“เอ็มไพร์สเตทแห่งภาคใต้”(EmpireStateofTheSouth)เพราะมีการปลูกต้นพีชมากเมืองหลวงคือAtlantaและเป็นรัฐที่มีตึกสูงๆทันสมัยไม่น้อยหน้านิวยอร์ก


11.ฮาวายอิ(Hawaii)มีชื่อเรียกกันเล่นๆว่า“อโลฮาฮาวายอิ”(AlohaHawaii)เป็นมลรัฐที่ห้าสิบของประเทศคำว่า“อโลฮา”เป็นคำทักทายของชาวพื้นเมืองของหมู่เกาะชาวฮาวายอิจึงเป็นสัญลักษณ์และชื่อเล่นของมลรัฐHawaii


12.ไอดาโฮ(Idaho)“มลรัฐแห่งอัญมณี”(Gem)มีการทำเหมืองแร่และป่าไม้


13.อิลลินอยส์(Illinois)ถูกเรียกขานว่า“มลรัฐที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทุ่งหญ้า”(PrairieState)แค่ฟังชื่อก็น่าจะทราบลักษณะภูมิประเทศ


14.อินเดียนา(Indiana)“มลรัฐแห่งทีมบาสเกตบอลฮูเซียร์”(HoosierState)Hoosierเป็นชื่อทีมบาสเกตบอลชื่อเสียงขจรขจายจึงเป็นความภาคภูมิใจแห่งชาวมลรัฐIndiana


15.ไอโอวา(Iowa)“มลรัฐแห่งตาเหยี่ยว”(HawkeyeState)เหยี่ยวเป็นสัตว์ที่ว่องไวบินสูงและมีตาแหลมคมมลรัฐนี้มีการเกษตรกรรมเช่นการทำฟาร์มและปศุสัตว์


16.แคนซัส(Kansas)มีสองชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งดอกทานตะวัน”(SunflowerState)และ“มลรัฐกลุ่มผู้ต้องการล้มเลิกระบบทาส”(JayhawkState)เนื่องจากชื่อjayhawkเป็นชื่อของกลุ่มหัวรุนแรงในมลรัฐKansasในสมัยสงครามกลางเมือง


17.เคนตักกี(Kentucky)“มลรัฐแห่งดนตรีเครื่องสาย”(BluegrassState)ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะรัฐนี้เป็นรัฐที่ทำแบนโจและกีตาร์ที่ดีมากๆรัฐหนึ่งKentuckyยังมีชื่อเสียงเรื่องการเลี้ยงม้าแข่งพันธุ์ดีที่สุดของโลก

18.หลุยเซียนา(Louisiana)“มลรัฐแห่งนกกระทุง”(PelicanState)นกกระทุงเป็นนกขนาดใหญ่กินปลาคอพอกเมืองNewOrleansในมลรัฐLouisianaเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเพราะมีบรรยากาศฝรั่งเศสและเทศกาลMardiGras


19.เมน(Maine)มีชื่อเล่นว่า“มลรัฐแห่งต้นสน”(PineTreeState)ต้นสนมีใบแหลมมีรูปเป็นกรวยที่ใดมีป่าสนที่นั่นอากาศดีเพราะต้นสนให้ออกซิเจนมลรัฐนี้มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและทะเลสาบ


20.แมรีแลนด์(Maryland)มีสองชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งเสรีภาพ”(FreeState)และ“มลรัฐแห่งสายเก่า”(OldlineState)


21.แมสสาซูเสตส์(Massachusetts)มีสองชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งอ่าวทะเล”(BayState)และ“มลรัฐแห่งอาณานิคมอันเก่าแก่”(OldColonyState)เป็นหนึ่งใน13รัฐแรกและมีประวัติศาสตร์เป็นศูนย์กลางของปัญญาชนและนักศึกษา


22.มิชิแกน(Michigan)เป็นรัฐที่ถูกเรียกอีกชื่อว่า“มลรัฐแห่งวูฟเวอรีน”(WolverineState)วูฟเวอรีน(Wolverine)เป็นสัตว์ในเขตหนาวจำพวกสุนัขจิ้งจอกคล้ายแมวเลี้ยงลูกด้วยนมมีขนยาวสีดำMichiganล้อมรอบด้วยทะเลสาบถึงสี่ทะเลสาบและเป็นรัฐอันดับหนึ่งที่ผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กโดยมีเมืองDetroitเป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญ

23.มินเนโซตา(Minnesota)มีสามชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งดาวเหนือ”(NorthStarState)“มลรัฐแห่งกระรอกโกเฟอร์”(GopherState)และ“ดินแดนแห่ง10,000ทะเลสาบ”(Landof10,000Lakes)


24.มิสซิสซิปปี(Mississippi)มีชื่อเล่นว่า“มลรัฐแห่งดอกแมกโนเลีย”(MagnoliaState)แมกโนเลีย(Magnolia)เป็นพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งจำพวกดอกมณฑามีดอกสีขาวชมพูม่วงและเหลืองMississippiยังเป็นรัฐที่มีการปลูกฝ้ายมากที่สุดในประเทศ


25.มิสซูรี(Missouri)ชื่อเล่นของมลรัฐนี้ออกจะแปลกสักหน่อยเพราะมันถูกเรียกว่า“มลรัฐที่มีสิ่งให้ชมมากมาย”(Show-meState)มลรัฐนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เช่นHannibalเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของนักประพันธ์เอกMarkTwainและพิพิธภัณฑ์JesseJames


26.มอนตานา(Montana)“มลรัฐแห่งสมบัติล้ำค่า”(TreasureState)สิ่งที่มีค่าของมลรัฐนี้คือการเกษตรการล่าสัตว์และการเลี้ยงสัตว์เช่นแกะและปศุสัตว์


27.เนบราสกา(Nebraska)มีสองชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งผู้แกะข้าวโพด”(CornhuskerState)และ“มลรัฐแห่งเนื้อวัว”(BeefState)ทั้งสองชื่อนี้แสดงว่ามลรัฐนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวโพดและวัวและยังมีอุตสาหกรรมบรรจุเนื้อสัตว์ในเมืองใหญ่ๆอีกด้วย


28.เนวาดา(Nevada)มีสามชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งพันธุ์ไม้ละเมาะ”(SagebrushState)“มลัฐที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่เงิน”(SilverState)และ“มลรัฐที่เกิดมาเพื่อการรบ”(BattleBornState)มลรัฐนี้มีคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกและศูนย์กลางบันเทิงชั้นแนวหน้าของโลกอยู่ในLasVegas


29.นิวแฮมเซียร์(NewHampshire)“มลรัฐที่อุดมสมบูรณ์ด้วยหินแกรนิต”(GraniteState)NewHampshireเป็นรัฐที่มีทัศนียภาพงดงามและแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก


30.นิวเจอร์ซี(NewJersey)ถูกเรียกอีกชื่อว่า“มลรัฐที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้”(GardenState)มลรัฐนี้มีสถานที่ตากอากาศตามแนวชายฝั่งและมีสถานคาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมาย


31.นิวแม็กซิโก(NewMexico)มีชื่อเล่นว่า“ดินแดนแห่งมนต์ขลัง”(LandofEmchantment)ชื่อทางการของมลรัฐนี้ตั้งตามประเทศแม็กซิโกที่อยู่ติดกัน


32.นิวยอร์ก(NewYork)รัฐที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปเยือนแห่งนี้มีชื่อเล่นว่า“มลรัฐแห่งตึกระฟ้าเอ็มไพร์สเตท”(EmpireState)ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาจึงเป็นสัญลักษณ์และอีกชื่อเล่นของมลรัฐนี้“แอปเปิลผลใหญ่”(TheBigApple)คืออีกฉายาหนึ่งที่ใช้เรียกรัฐนี้อย่างไม่เป็นทางการแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของมลรัฐนี้คือน้ำตกไนแอการา(NiagaraFalls)


33.นอร์ธแคโรไลนา(NorthCarolina)ถูกเรียกตามทรัพยากรที่มีว่า“มลรัฐแห่งน้ำมันดิบ”(TarHeelState)NorthCarolinaเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของCarlSandburgนักประพันธ์ร่วมสมัยในศตวรรษที่20


34.นอร์ธดาโกตา(NorthDokota)เป็นรัฐที่ร่ำรวยชื่อเล่นครับเพราะมีถึงสี่ชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งอินเดียนแดงเผ่าเซอุ๊กซ์”(SiouxState)“มลรัฐแห่งนกฟลิกเคอร์เทล”(FlickertailState)“มลรัฐแห่งอุทยานสันติภาพ”(PeaceGardenState)และ“มลรัฐแห่งผู้ขับขี่ทรหด”(RoughRiderState)


35.โอไฮโอ(Ohio)ถูกตั้งชื่อว่า“มลรัฐแห่งตาไม้”(TheBuckeyeState)buckeyeคือบริเวณใจกลางของเนื้อไม้ซุงหรือตาไม้ซุงลักษณะเป็นวงเล็กๆที่ซ้อนด้วยวงใหญ่ๆOhioเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของประธานาธิบดีถึงห้าท่านมีเมืองYoungstownเป็นเมืองสำคัญด้านอุตสาหกรรมเหล็ก


36.โอกลาโฮมา(Oklahoma)มีชื่อเล่นว่า“มลรัฐแห่งอนาคตอันใกล้”(SoonerState)ในอดีตมลรัฐนี้เป็นดินแดนอยู่ห่างไกลความเจริญ(TheWilderness)และเป็นถิ่นฐานของอินเดียนแดง


37.ออเรกอน(Oregon)เป็นรัฐที่ถูกเรียกเล่นๆว่า“มลรัฐแห่งตัวบีเวอร์”(BeaverState)beaverเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งจำพวกหนูคล้ายนากกินปลาขนาดเท่าแมวฟันคมสามารถกัดต้นไม้ใหญ่ๆให้ล้มได้หนังมีขนละเอียดใช้ทำเครื่องกันหนาวอาศัยอยู่ในน้ำOregonมีอุตสาหกรรมจับปลาแซลมอนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


38.เพนซิลเวเนีย(Pennsylvania)ถูกเรียกว่า“มลรัฐที่เป็นหลักสำคัญ”(KeystoneState)Keystoneคือหินก้อนที่อยู่บนสุดตรงกลางของยอดโค้งหรือหลังคาโค้งทำหน้าที่ยึดหินก้อนอื่นๆมิให้คลาดเคลื่อนหรือหลุดจากกันดังเช่นPennsylvaniaซึ่งเป็นมลรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งประเทศ


39.โรดไอส์แลนด์(RhodeIsland)มีอีกชื่อว่า“มลรัฐแห่งมหาสมุทร”(OceanState)เนื่องจากตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดมหาสมุทรแอตแลนติก


40.เซาธ์แคโรไลนา(SouthCarolina)ถูกเรียกว่า"มลรัฐแห่งต้นปาล์มรูปใบพัด"(Palmetto)SouthCarolinaเป็นสมรภูมรบสำคัญทางประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามกลางเมือง


41.เซาธ์ดาโกตา(SouthDakota)มีสองชื่อเล่น“มลรัฐแห่งภูเขารัชมอร์”(MountRushmoreSate)และ“มลรัฐแห่งไคโอต”(CoyoteState)เป็นภูเขาRushMoreที่ด้านหนึ่งแกะสลักเป็นรูปใบหน้าของประธานาธิบดีสี่ท่าน ได้แก่ GeorgeWashingtom,ThomasJefferson,AbrahamLincolnและTheodoreRoosevelt ส่วน coyote เป็นหมาป่าตัวเล็กอาศัยอยู่ภาคตะวันตกของอเมริกา


42.เทนเนสซี(Tennessee) คือ“มลรัฐแห่งอาสาสมัคร”(VolunteerState)แหล่งท่องเที่ยวสำคัญคือเมืองMemphisบ้านเกิดเมืองนอนของElvisPresleyนักร้องในศตวรรษ1960


43.เท็กซัส(Taxas)ถูกเรียกว่า“มลรัฐแห่งดาวดวงเด่น”(LoneStarState)เพราะมลรัฐนี้มีธงประจำรัฐเป็นรูปดาวดวงเดียวโดดเด่นเอกลักษณ์อีกอย่างของมลรัฐนี้คือการขี่ม้าผาดโผนที่เรียกว่าRodeocowboyเมืองสำคัญคือHoustonซึ่งเป็นฐานปล่อยจรวดและศูนย์ฝึกมนุษย์อวกาศ


44.ยูทาร์(Utah)มีชื่อเล่นว่า“มลรัฐแห่งรังผึ้ง”(BeehiveState)เมืองSaltLakeCityในรัฐUtahเคยเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในค.ศ.2002


45.เวอร์มอนต์(Vermont)ถูกตั้งชื่อจากการถอดความชื่อมลรัฐที่เป็นภาษาฝรั่งเศสออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่าเพราะVertในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าเขียวและMontในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าภูเขามันจึงถูกตั้งชื่อเล่นว่า“มลรัฐแห่งภูเขาสีเขียว”(GreenMountainState)นักท่องเที่ยวนิยมเล่นสกีและตกปลาตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆของมลรัฐนี้


46.เวอร์จิเนีย(Virginia)มีสองชื่อเล่นคือ“มลรัฐที่การปกครองอย่างเก่า”(TheOldDominion)และ“เมืองมารดรแห่งประธานาธิบดี”(MotherofPresidentts)เพราะเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของประธานาธิบดีสามท่านโดยเฉพาะประธานาธิบดีท่านแรกของอเมริกาGeorgeWashingtonและมีเมืองJamestownป็นเมืองประวัติศาสตร์เพราะเป็นเมืองแรกที่มีคนผิวขาวอพยพเข้ามาตั้งรกรากและเป็นเมืองแรกที่มีทาสผิวดำ


47.วอชิงตัน(Washington)ถูกเรียกว่า“มลรัฐที่เขียวชอุ่มตลอดปี”(EvergreenState)มีเมืองสำคัญคือSeattleซึ่งเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์อากาศ


48.เวอร์จิเนียตะวันตก(WestVirginia)มีชื่อเล่นตามภูมิประเทศว่า“มลรัฐแห่งภูเขา”เพราะพื้นที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงๆต่ำๆนอกจากนี้ยังมีอุทยานแห่งชาติป่าไม้และบริเวณสันทนาการมากมาย


49.วิสคอนซิน(Wisconcin)มีสองชื่อเล่นคือ“มลรัฐแห่งแบดเจอร์”(BadgerState)และ“มลรัฐแห่งนมเนย”(DairyState)badgerคือสัตว์ชนิดหนึ่งขนาดเท่าสุนัขจิ้งจอกเท้ามีเล็บอย่างหมีและมลรัฐนี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยนมเนย


50.ไวโอมิง(Wyoming)“มลรัฐแห่งความเสมอภาค”(EqualityState)สัญลักษณ์คือวนอุทยานYellowstoneซึ่งเป็นวนอุทยาน แห่งชาติแห่งแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา

วันอังคาร, กรกฎาคม 23, 2556

ตูร์ เดอ ฟรองซ์ คริสโตเฟอร์ ฟรูม คว้าแชมป์ไปครองเป็นครั้งแรก

ช่วงที่ 21 ช่วงสุดท้ายจากแวร์กซายส์เข้าเส้นชัยที่ช็องส์ เซลิเซ่ส์ในกรุงปารีส ระยะทาง 133.5 กิโลเมตร ซึ่งช่วงนี้นักปั่นปั่นกันสบายๆ เพราะรู้แชมป์ค่อนข้างแน่นอนแล้ว



โดยแชมป์ช่วงนี้ตกเป็นของ มาร์เซล คิทเทิ่ล จากเยอรมัน ทีมอาร์กอส ชิมาโน่ เวลา 3 ชั่วโมง 6 นาที 14 วินาที ที่ 2 อันเดร กรายเปิล เพื่อนร่วมชาติ ทีมล็อตโต้ เบลิโวล และที่ 3 มาร์ค คาเวนดิช จากสหราชอาณาจักร ทีมโอเมก้า ฟามาร์ ควิกสเต็ป 
 
ซึ่งทำให้ปีนี้ คริสโตเฟอร์ ฟรูม จากสหราชอาณาจักร ทีมสกาย คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยแรกในประเภทผู้ทำเวลารวม เวลา 83 ชั่วโมง 56 นาที 40 วินาที เอาชนะ ไนโร ควินทาน่า โรฆาส จากโคลัมเบีย ทีม มูวิสตาร์ 4 นาที 20 วินาที

ส่วนเวลารวมประเภททีม ทีมซาโซ่ ทิงก์ออฟ จากเดนมาร์ก คว้าแชมป์ไปครอง



สันคมมีด เขาช้างเผือก อุทยานแห่งาติทองผาภูมิ


เขาช้างเผือก อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งต้องเดินทางไปเริ่มต้นที่บ้านอิต่อง โดยมากนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปให้ถึงบ้านอิต่องก่อนสว่างเพื่อเตรียมตัวเดินทางผจญภัยบนเส้นทางวัดใจสันคมมีด เพื่อพิชิตยอดเขาช้างเผือก ระยะทางประมาณ 4,000 เมตร ยอดเขาช้างเผือกสูงจากระดับน้ำทะเล 1,249 เมตร



    ทั้งนี้ก่อนที่จะเดินทางขึ้นเขาช้างเผือกนักท่องเที่ยวต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อจองวันเดินทาง ลูกหาบ และเจ้าหน้าที่ เพราะเขาช้างเผือกสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เพียง 60 คน เท่านั้น

    อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ อยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 60 กิโลเมตร ตามทางหลวง 3272 มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายจุด สำหรับจุดชมวิวทิวทัศน์มี 2 แห่ง คือ ดอยต่องปะแล ซึ่งต้องจอดรถและเดินขึ้นเขาไปประมาณ 300 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นน้ำตกจ๊อกกะดิ่นอยู่ไม่ไกล ส่วนเนินกูดดอย สามารถนำรถขึ้นไปจอดได้ เป็นจุดชมวิวทิวเขาซับซ้อนสุดสายตา มองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณและเขาช้างเผือกภูเขาที่สูงที่สุดในอุทยานฯ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ น้ำตกจ๊อกกะดิ่น น้ำตกผาแป น้ำตกเจ็ดมิตร ต้องติดต่อว่าจ้างเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทาง น้ำตกเหล่านี้อยู่ในเขตตำบลปิล๊อก ซึ่งเดิมเป็นเหมืองแร่ดีบุก วุลแฟรม ตั้งอยู่พรมแดนไทย-พม่า อุดมด้วยป่าดิบ ปกคลุมด้วยหมอกเกือบตลอดทั้งปี ซึ่งต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ 

    การเดินทาง ห่างจาก อ.ทองผาภูมิ ประมาณ 59 กม. โดยเป็นเส้นทางลาดยาง แต่เป็นทางขึ้นเขาและมีโค้งหักศอกอยู่มากจึงต้องขับอย่างระมัดระวัง สำหรับบ้านอิต่องอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตร

    บริเวณอุทยานฯ มีบริการบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ 
    สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08 1382 0359 หรือ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตู้ ปณ.18 อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 71180


เดินทางถึงบ้านอิต่อง กล่าวถึงการเดินทางขึ้นพิชิตเขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีขั้นตอนก่อนเดินทางง่ายๆ คือ ควรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเพื่อจองวันเดินทางที่แน่นอนก่อนนะครับเพราะเขาช้างเผือกมีพื้นที่สำหรับการกางเต็นท์ค่อนข้างจำกัด รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 60 คน เท่านั้น เมื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ได้แล้วแจ้งจำนวนนักท่องเที่ยวในกลุ่มของเรา วันที่ต้องการเดินทางขึ้นและลง ถ้าหากวันนั้นว่างเจ้าหน้าที่จะแจ้งยอดเงินสำหรับที่ต้องโอนก่อนเดินทางให้เราทราบ ยอดค่าใช้จ่ายเหล่านั้นได้แก่เจ้าหน้าที่นำทาง ลูกหาบ ฯลฯ เมื่อโอนเงินไปแล้วให้แฟกซ์ใบสลิปให้เจ้าหน้าที่ ในวันเดินทางให้ไปติดต่อที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิซึ่งอยู่ก่อนหมู่บ้านอิต่องประมาณ 15 กิโลเมตร จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่นำทางพร้อมลูกหาบมาให้เราโดยพบกันที่หมู่บ้านอิต่อง เราเดินทางมาถึงหมู่บ้านอิต่องก่อนสว่างเพื่อเตรียมตัวกันให้พร้อมและรอเจ้าหน้าที่กับลูกหาบ ขั้นตอนทั้งหมดนี้หากไม่แน่ใจสอบถามที่ร้านอาหารคุณหน่อยในหมู่บ้านได้ครับ ร้านคุณหน่อยจะอำนวยความสะดวกและช่วยเราได้หลายอย่าง เมื่อเรามาถึงแต่เช้าตรู่เราก็ออกตระเวนหาพื้นที่สำหรับปักหลักรอพระอาทิตย์ขึ้น ปรากฏว่าพบวัดแห่งหนึ่งอยู่บนเชิงเขาค่อนข้างสูงเห็นวิวหมู่บ้านอิต่องได้ทั่วก็เลยเลือกที่นี่ หลังจากชมวิวพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากสันเขาอันสวยงามแล้วก็เข้าหมู่บ้านหาอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่ต้องเตรียมติดตัวไปด้วยระหว่างการเดินทางซึ่งก็หาได้จากร้านคุณหน่อยนั่นเองสะดวกที่สุด

หมู่บ้านอิต่อง สภาพภายในหมู่บ้านที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้านอิต่อง มีหลายคนที่ได้เปลี่ยนแปลงการค้าขายมาขายของที่ระลึก อย่างเช่นร้านโปสการ์ดซึ่งมีอยู่ร้านเดียวที่นี่ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะหาของที่ระลึกในการมาเยือนสถานที่แห่งนี้ เวลาล่วงเลยไปจนถึง 8.00 น. เจ้าหน้าที่พร้อมกับลูกหาบก็จะทยอยกันเดินทางมาถึงที่นี่ เมื่อพบกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลกลุ่มเราแล้วจากนั้นก็ออกเดินทางได้ สัมภาระที่เตรียมมาไม่ควรเตรียมมามากเกินความจำเป็นเพราะบนเขาช้างเผือกไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใดๆ ไม่มีน้ำให้อาบด้วย ทิชชู่เปียกก็น่าจะเป็นของอย่างหนึ่งที่ควรเอามาด้วย เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเพื่อใส่นอน ส่วนชุดที่จะใส่ลงส่วนมากจะใส่ตัวเดียวกับที่ใส่ขึ้นเขาเพื่อเป็นการประหยัดชุดที่ต้องลุยป่า กับเหม็นเหงื่อตัวเอง

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงแรก เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเราก็ออกเดินทาง โดยเดินทะลุหลังหมู่บ้านไปยังจุดเริ่มต้นที่เชิงเขา ช่วงแรกเป็นทางที่ไม่ชันมากนักมีป่าโปร่งตลอดทางมองเห็นวิวหมู่บ้านอิต่องไกลๆ จากนั้นก็จะไม่เห็น เส้นทางเดินไปตามเชิงเขายังไม่สูงจากระดับน้ำทะเลมากนักพ้นช่วงแรกจะเห็นลูกหาบนั่งพักในร่มไม้ โดยปกติจุดที่เหมาะในการพักของการเดินทางจะมี 4 จุดหลักๆ แต่เส้นทางพิชิตยอดเขาไม่ไกลมากนักเมื่อเทียบกับเส้นทางเดินป่าที่อื่นๆ ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็ถึงลานกางเต็นท์

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่สอง ช่วงนี้เป็นการเดินขึ้นเขาไม่ชันมากนักแต่ก็ขึ้นๆ ลงๆ บ่อยๆ เป็นเนินเขาเล็กๆ ต่อเนื่องกันค่อยๆ ไต่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพภูมิประเทศ ทำให้เริ่มที่จะเห็นวิวสวยๆ ระหว่างทางได้สวยขึ้น ตลอดเส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกเป็นป่าโปร่งทั้งหมดครับ จะมองเห็นคนที่อยู่หน้าและหลังเราได้ตลอดเวลาถ้าเดินไม่ห่างกันมากนัก ส่วนใหญ่จะเห็นเลยว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นยังไงต่อ บริเวณที่ถ่ายรูปวิว 2 รูปบนมีต้นไม้ใหญ่ หลายคนจะหยุดพักที่นี่ 1 ครั้ง ไม่เพียงแค่การพักเอาแรงให้หายเหนื่อยแต่เป็นการพักเพื่อถ่ายรูปวิวไปด้วย

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกครึ่งทาง หลังจากเวลาผ่านพ้นไปพอสมควรก็มาถึงจุดที่น่าจะประมาณได้ว่าเป็นครึ่งทางของทางเดินจากจุดเริ่มต้นไปยังลานกางเต็นท์ (ขอย้ำว่าไปลานกางเต็นท์นะครับ ไปถึงสันคมมีดและยอดเขาช้างเผือกยังต้องไปอีกไกลครับ) บริเวณนี้จะมีการไต่ระดับที่ค่อนข้างชันอย่างที่เราเห็นนี้ละครับ เมื่อขึ้นพ้นจุดนี้หลายๆ คนก็จะต้องทรุดตัวลงนั่งพักให้หายเหนื่อยกันพักใหญ่เหมือนกัน โชคดีอยู่อย่างที่ตอนนี้จะเริ่มเห็นทางฟ้าเปิดสดใสหลังจากที่ครึ้มมาตลอดทางทำให้เริ่มที่จะเก็บภาพวิวสวยๆ กันได้มากขึ้น

ครึ่งทางเข้าช้างเผือก จุดนี้เป็นจุดที่เราชอบมากจุดหนึ่งเพราะมีลักษณะเป็นผาหินเล็กๆ ยื่นออกไป ใกล้ๆ กันมีต้นไม้ใช้เป็นฉากหลัง ท้องฟ้าสีครามที่เพิ่งจะเริ่มปรากฏให้เราเห็นเป็นภาพสวยงามของการเดินสู่เขาช้างเผือกที่ประทับใจมาก

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่สาม เส้นทางช่วงนี้เป็นช่วงที่เราจะได้เดินข้ามเนินเขาเล็กๆ ค่อนข้างต่อเนื่องครับ หากมองไกลๆ เหมือนโหนกบนหลังอูฐที่เราจะต้องเดินข้ามเนินแล้วเนินเล่า คำถามที่เริ่มจะได้ยินบ่อยๆ จากเพื่อนร่วมทางก็คืออีกไกลมั้ยครับ และเจ้าหน้าที่จะคอยตอบคำถามเดิมๆ เป็นระยะๆ เพราะความเหนื่อยของนักผจญภัยอย่างพวกเราเริ่มแสดงอาการชัดขึ้นๆ โดยเฉพาะเมื่อเห็นเนินอยู่ข้างหน้ากับภาพการเดินอย่างช้าๆ ของคนที่ล่วงหน้าไปก่อนรู้สึกว่าจะเพิ่มความเหนื่อยให้เราได้เป็นอย่างดี ช่วงนี้เราจะเห็นสันคมมีดได้ชัดขึ้นๆ สันคมมีดก็คือช่วงที่เร้าใจหวาดเสียวที่สุดของเส้นทางผจญภัยพิชิตเขาช้างเผือกแห่งนี้ซึ่งก่อนที่เราจะไปถึงตรงนั้นจะต้องไปแวะพักที่ลานกางเต็นท์กันก่อนเพื่อทำการกางเต็นท์ ก่อนที่จะลุยกันต่อบนสันคมมีด หรือถ้าหากหมดแรงยังไม่อยากลุยให้จบวันนี้ก็ต้องไปเช้าวันรุ่งขึ้น แต่จะทำให้เวลาในการเดินลงยาวขึ้นด้วยเหมือนกัน



ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ลิงก์นี้เลยค่ะ 

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 14, 2556

สุดยอด ผังเมืองบาร์เซโลนา

หากกล่าวถึง "บาร์เซโลน่า" คนส่วนใหญ่มักนึกไปถึง "ทีมฟุตบอลบาร์เซโลน่า" อันโด่งดังจากสเปน ที่เขาว่า มาจากต่างดาว หลายคนใฝ่ฝันที่จะดั้นด้นไปสักครั้งในชีวิต เพื่อไปชมการแข่งขันฟุตบอลในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็น แชมป์ยุโรป และแชมป์ฟุตบอลโลก 

เมืองบาร์เซโลนา เป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องฟุตบอลแล้ว "ผังเมืองของบาร์เซโลน่า" ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้เมืองใดในโลก




ผังเมืองของบาร์เซโลน่า ถูกจัดวางอย่างยอดเยี่ยม เป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นช่องตารางโดยมีการตัดมุมของบล็อคทั้งสี่ เป็นบล็อคคล้ายกับรูปหกเหลี่ยม ทำให้เกิดทำเลการค้าที่ดีเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่นอกเหนือจากการสัญจรเดินเท้า ก็กลายมาเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ร้านค้าต่างๆ ตลาดเล็กๆ ที่มุมถนน โดยไม่ไปเกะกะทางเท้า หรือถนนเลย การเดินในเมืองจึงง่าย และสะดวกมาก ทำให้ระบบรถสาธารณะต่างๆมีการเชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพจนน่าอิจฉาเหลือเกิน

ผังเมืองของบาร์เซโลน่า ถูกนำไปเป็นต้นแบบของการวางผังเมืองในเมืองต่างๆในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะในแถบอเมริกา หลายๆเมืองในสหรัฐอเมริกา มีการใช้ผังเมืองเป็นแบบตาราง อย่างกะก็อปวางเป็นบล็อคๆ เช่นเดียวกัน 





วันจันทร์, กรกฎาคม 08, 2556

เลือดลอย-โลหิตจาง-อาหารบำรุงธาตุเหล็ก


เมื่อเจาะเลือดจากปลายนิ้ว หยดลงในน้ำยาสีฟ้า (สารละลายจุนสีหรือCopper sulphate)แต่หยดเลือดของคุณไม่จม และเมื่อได้ตรวจความเข้มข้นของโลหิต (Hemoglobin) พบว่าความเข้มข้นไม่ถึง 12 g/dL ในผู้หญิง หรือไม่ถึง 13 g/dL ในผู้ชายแสดงถึงภาวะโลหิตจาง คุณ! อาจเป็นพาหะโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย หรือโรคโลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็ก
  ยาธาตุเหล็กสำหรับผู้บริจาคโลหิต โดยปกติ ร่างกายจะเสียธาตุเหล็ก จากการหลุดลอกของเซลล์ ผนังลำไส้ และเซลล์อื่นๆในปริมาณที่น้อยมาก
คือ ประมาณ 1 และ 1.5 มิลลิกรัม ในผู้ชายและผู้หญิง ตามลำดับ เท่ากับที่ได้รับจากอาหาร การมีประจำเดือนแต่ละเดือนผู้หญิงจะสูญเสียธาตุเหล็กประมาณ 30-40
มิลลิกรัม ส่วนการบริจาคโลหิตแต่ละครั้งจะเสียธาตุเหล็กประมาณ 150-200มิลลิกรัมซึ่งเห็นได้ว่าเป็นปริมาณที่สูงมากจำเป็นต้องมีการทดแทน
เพื่อป้องกันภาวะโลหิตจางจากการสูญเสียธาตุเหล็ก จากการศึกษา เกี่ยวกับผู้บริจาคโลหิตของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่พบว่าร้อยละ 37 ของผู้ที่ไม่สามารถบริจาคโลหิตได้โดยเฉพาะผู้หญิง คือ เลือดลอย หรือความเข้มข้นของโลหิตต่ำกว่ามาตรฐานในการบริจาค (12.5 gm/dL) ซึ่งถ้าสาเหตุมาจากการขาดธาตุเหล็กก็ควรต้องกินยาเสริมธาตุเหล็ก และเพิ่มอาหารที่มีธาตุเหล็กให้มากขึ้น
 หากท่านได้ปฎิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวท่านจะไม่เกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแน่นอน โลหิตจะเข้มข้นเพียงพอที่จะบริจาคทุกครั้ง การบริจาคโลหิตจะเป็นการกระตุ้นให้ไขกระดูกทำงานผลิตโลหิตใหม่หมุเวียนทดแทนโลหิตเก่าที่ออกไป ส่งผลให้เป็นผู้มีผิวพรรณสดใส ไม่อ่อนเพลีย มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ตลอดไป

อาหารบำรุงเลือด (Lisa)

          เพียงแค่ดื่มน้ำส้มหนึ่งแก้วในระหว่างมื้ออาหาร ก็ช่วยบำรุงเลือดคุณได้ เพราะวิตามินซีช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกับ ชาและกาแฟเป็นตัวขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย 

          เมื่อร่างกายขาดธาตุเหล็กก็จะมีอาการอ่อนเพลีย ง่วง ขาดสมาธิ ซีดเซียว และเส้นผมหลุดร่วงโดยที่เราไม่รู้ตัว และกว่าโรคจะปรากฏให้เห็น การขาดธาตุเหล็กก็ส่งผลกระทบแล้ว คุณจึงควรตรวจเช็กสักครั้งเมื่อมีอาการดังกล่าวโดยไม่รู้สาเหตุ เพราะเกือบหนึ่งในสองของผู้หญิงมักมีธาตุเหล็กต่ำเกินไป 

          ทั้งนี้ คนแทบไม่เชื่อว่า การขาดธาตุเหล็กคือภาวะที่เกิดขึ้นมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะผู้หญิงในประเทศอุตสาหกรรม ซึ่งผู้หญิงมักสูญเสียแร่ธาตุไปกับเลือดประจำเดือน เพราะผู้หญิงบางคนมีเลือดประจำเดือนครั้งละครึ่งลิตร ซึ่งตามปกติของการเสียเลือดประจำเดือน 50 มิลลิลิตร ก็เท่ากับสูญเสียธาตุเหล็กประมาณ 15-30 มิลลิกรัม หรือบางคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์อาจสูญเสียมากกว่านี้ จึงทำให้การเก็บกักธาตุเหล็กไม่สมบูรณ์

 อาหารที่เป็นศัตรูของธาตุเหล็ก

          ชาและกาแฟ ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก วิธีที่จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีคือ หลังมื้ออาหารให้กินผลไม้ที่มีวิตามินซี เช่น ส้มหนึ่งผล

 อาหารที่มีธาตุเหล็ก

          ธาตุเหล็กจากพืชผักและผลไม้มักละลายยาก ส่วนใหญ่มักติดอยู่กับคาร์โบไฮเดรต และมีเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่เข้าไปในกระแสเลือด นอกจากนี้ อาหารบางชนิดที่เรารับประทานอยู่ทุกวัน ยังไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก เช่น แคลเซียมจากผลิตภัณฑ์นม โพลีฟีนอยด์ (ถั่วเปลือกแข็ง) ไฟเตท (ธัญพืชและถั่ว) ฟอสเฟต (น้ำดำ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ชาและกาแฟ) 

          วิธีที่จะช่วยทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีก็คือ ดื่มน้ำส้มหนึ่งแก้วในระหว่างทานอาหารอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงอย่างเช่น เนื้อแดง ปลา เป็ด และไก่ วิธีป้องกันการขาดธาตุเหล็กก็คือ ควรกินเนื้อสัตว์สัปดาห์ละ 3 ครั้ง

 บุคคลที่ต้องใส่ใจ

          นักมังสวิรัติ สตรีตั้งครรภ์ และให้นมบุตร สตรีมีรอบเดือน ต้องกินอาหารที่มีธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น ซึ่งบางครั้งก็ค่อนข้างยาก หากจำเป็นก็ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายธาตุเหล็กสำเร็จรูป ปกติผู้หญิงในวัย 15-50 ปีควรได้รับธาตุเหล็กประมาณ 15 มิลลิกรัม ส่วนผู้หญิงวัยมากกว่า 50 ปี ควรได้รับวันละ 10 มิลลิกรัม 

          ส่วนผู้ที่ไม่ขาดธาตุเหล็ก ก็ไม่ควรเติมธาตุเหล็กสำเร็จรูปให้ร่างกายอีก เพราะร่างกายขจัดออกไม่ได้ และเมื่อมีมากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อตับ


รวบรวมและเรียบเรียงโดย 
ทีมพัฒนาคุณภาพงานธนาคารเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โทร.0-5394-5624
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Kapook.com