วันอังคาร, กรกฎาคม 23, 2556

สันคมมีด เขาช้างเผือก อุทยานแห่งาติทองผาภูมิ


เขาช้างเผือก อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งต้องเดินทางไปเริ่มต้นที่บ้านอิต่อง โดยมากนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปให้ถึงบ้านอิต่องก่อนสว่างเพื่อเตรียมตัวเดินทางผจญภัยบนเส้นทางวัดใจสันคมมีด เพื่อพิชิตยอดเขาช้างเผือก ระยะทางประมาณ 4,000 เมตร ยอดเขาช้างเผือกสูงจากระดับน้ำทะเล 1,249 เมตร



    ทั้งนี้ก่อนที่จะเดินทางขึ้นเขาช้างเผือกนักท่องเที่ยวต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อจองวันเดินทาง ลูกหาบ และเจ้าหน้าที่ เพราะเขาช้างเผือกสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เพียง 60 คน เท่านั้น

    อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ อยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 60 กิโลเมตร ตามทางหลวง 3272 มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายจุด สำหรับจุดชมวิวทิวทัศน์มี 2 แห่ง คือ ดอยต่องปะแล ซึ่งต้องจอดรถและเดินขึ้นเขาไปประมาณ 300 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นน้ำตกจ๊อกกะดิ่นอยู่ไม่ไกล ส่วนเนินกูดดอย สามารถนำรถขึ้นไปจอดได้ เป็นจุดชมวิวทิวเขาซับซ้อนสุดสายตา มองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณและเขาช้างเผือกภูเขาที่สูงที่สุดในอุทยานฯ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ น้ำตกจ๊อกกะดิ่น น้ำตกผาแป น้ำตกเจ็ดมิตร ต้องติดต่อว่าจ้างเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทาง น้ำตกเหล่านี้อยู่ในเขตตำบลปิล๊อก ซึ่งเดิมเป็นเหมืองแร่ดีบุก วุลแฟรม ตั้งอยู่พรมแดนไทย-พม่า อุดมด้วยป่าดิบ ปกคลุมด้วยหมอกเกือบตลอดทั้งปี ซึ่งต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ 

    การเดินทาง ห่างจาก อ.ทองผาภูมิ ประมาณ 59 กม. โดยเป็นเส้นทางลาดยาง แต่เป็นทางขึ้นเขาและมีโค้งหักศอกอยู่มากจึงต้องขับอย่างระมัดระวัง สำหรับบ้านอิต่องอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตร

    บริเวณอุทยานฯ มีบริการบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ 
    สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08 1382 0359 หรือ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตู้ ปณ.18 อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 71180


เดินทางถึงบ้านอิต่อง กล่าวถึงการเดินทางขึ้นพิชิตเขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีขั้นตอนก่อนเดินทางง่ายๆ คือ ควรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเพื่อจองวันเดินทางที่แน่นอนก่อนนะครับเพราะเขาช้างเผือกมีพื้นที่สำหรับการกางเต็นท์ค่อนข้างจำกัด รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 60 คน เท่านั้น เมื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ได้แล้วแจ้งจำนวนนักท่องเที่ยวในกลุ่มของเรา วันที่ต้องการเดินทางขึ้นและลง ถ้าหากวันนั้นว่างเจ้าหน้าที่จะแจ้งยอดเงินสำหรับที่ต้องโอนก่อนเดินทางให้เราทราบ ยอดค่าใช้จ่ายเหล่านั้นได้แก่เจ้าหน้าที่นำทาง ลูกหาบ ฯลฯ เมื่อโอนเงินไปแล้วให้แฟกซ์ใบสลิปให้เจ้าหน้าที่ ในวันเดินทางให้ไปติดต่อที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิซึ่งอยู่ก่อนหมู่บ้านอิต่องประมาณ 15 กิโลเมตร จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่นำทางพร้อมลูกหาบมาให้เราโดยพบกันที่หมู่บ้านอิต่อง เราเดินทางมาถึงหมู่บ้านอิต่องก่อนสว่างเพื่อเตรียมตัวกันให้พร้อมและรอเจ้าหน้าที่กับลูกหาบ ขั้นตอนทั้งหมดนี้หากไม่แน่ใจสอบถามที่ร้านอาหารคุณหน่อยในหมู่บ้านได้ครับ ร้านคุณหน่อยจะอำนวยความสะดวกและช่วยเราได้หลายอย่าง เมื่อเรามาถึงแต่เช้าตรู่เราก็ออกตระเวนหาพื้นที่สำหรับปักหลักรอพระอาทิตย์ขึ้น ปรากฏว่าพบวัดแห่งหนึ่งอยู่บนเชิงเขาค่อนข้างสูงเห็นวิวหมู่บ้านอิต่องได้ทั่วก็เลยเลือกที่นี่ หลังจากชมวิวพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากสันเขาอันสวยงามแล้วก็เข้าหมู่บ้านหาอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่ต้องเตรียมติดตัวไปด้วยระหว่างการเดินทางซึ่งก็หาได้จากร้านคุณหน่อยนั่นเองสะดวกที่สุด

หมู่บ้านอิต่อง สภาพภายในหมู่บ้านที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้านอิต่อง มีหลายคนที่ได้เปลี่ยนแปลงการค้าขายมาขายของที่ระลึก อย่างเช่นร้านโปสการ์ดซึ่งมีอยู่ร้านเดียวที่นี่ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะหาของที่ระลึกในการมาเยือนสถานที่แห่งนี้ เวลาล่วงเลยไปจนถึง 8.00 น. เจ้าหน้าที่พร้อมกับลูกหาบก็จะทยอยกันเดินทางมาถึงที่นี่ เมื่อพบกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลกลุ่มเราแล้วจากนั้นก็ออกเดินทางได้ สัมภาระที่เตรียมมาไม่ควรเตรียมมามากเกินความจำเป็นเพราะบนเขาช้างเผือกไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใดๆ ไม่มีน้ำให้อาบด้วย ทิชชู่เปียกก็น่าจะเป็นของอย่างหนึ่งที่ควรเอามาด้วย เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเพื่อใส่นอน ส่วนชุดที่จะใส่ลงส่วนมากจะใส่ตัวเดียวกับที่ใส่ขึ้นเขาเพื่อเป็นการประหยัดชุดที่ต้องลุยป่า กับเหม็นเหงื่อตัวเอง

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงแรก เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเราก็ออกเดินทาง โดยเดินทะลุหลังหมู่บ้านไปยังจุดเริ่มต้นที่เชิงเขา ช่วงแรกเป็นทางที่ไม่ชันมากนักมีป่าโปร่งตลอดทางมองเห็นวิวหมู่บ้านอิต่องไกลๆ จากนั้นก็จะไม่เห็น เส้นทางเดินไปตามเชิงเขายังไม่สูงจากระดับน้ำทะเลมากนักพ้นช่วงแรกจะเห็นลูกหาบนั่งพักในร่มไม้ โดยปกติจุดที่เหมาะในการพักของการเดินทางจะมี 4 จุดหลักๆ แต่เส้นทางพิชิตยอดเขาไม่ไกลมากนักเมื่อเทียบกับเส้นทางเดินป่าที่อื่นๆ ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็ถึงลานกางเต็นท์

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่สอง ช่วงนี้เป็นการเดินขึ้นเขาไม่ชันมากนักแต่ก็ขึ้นๆ ลงๆ บ่อยๆ เป็นเนินเขาเล็กๆ ต่อเนื่องกันค่อยๆ ไต่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพภูมิประเทศ ทำให้เริ่มที่จะเห็นวิวสวยๆ ระหว่างทางได้สวยขึ้น ตลอดเส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกเป็นป่าโปร่งทั้งหมดครับ จะมองเห็นคนที่อยู่หน้าและหลังเราได้ตลอดเวลาถ้าเดินไม่ห่างกันมากนัก ส่วนใหญ่จะเห็นเลยว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นยังไงต่อ บริเวณที่ถ่ายรูปวิว 2 รูปบนมีต้นไม้ใหญ่ หลายคนจะหยุดพักที่นี่ 1 ครั้ง ไม่เพียงแค่การพักเอาแรงให้หายเหนื่อยแต่เป็นการพักเพื่อถ่ายรูปวิวไปด้วย

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกครึ่งทาง หลังจากเวลาผ่านพ้นไปพอสมควรก็มาถึงจุดที่น่าจะประมาณได้ว่าเป็นครึ่งทางของทางเดินจากจุดเริ่มต้นไปยังลานกางเต็นท์ (ขอย้ำว่าไปลานกางเต็นท์นะครับ ไปถึงสันคมมีดและยอดเขาช้างเผือกยังต้องไปอีกไกลครับ) บริเวณนี้จะมีการไต่ระดับที่ค่อนข้างชันอย่างที่เราเห็นนี้ละครับ เมื่อขึ้นพ้นจุดนี้หลายๆ คนก็จะต้องทรุดตัวลงนั่งพักให้หายเหนื่อยกันพักใหญ่เหมือนกัน โชคดีอยู่อย่างที่ตอนนี้จะเริ่มเห็นทางฟ้าเปิดสดใสหลังจากที่ครึ้มมาตลอดทางทำให้เริ่มที่จะเก็บภาพวิวสวยๆ กันได้มากขึ้น

ครึ่งทางเข้าช้างเผือก จุดนี้เป็นจุดที่เราชอบมากจุดหนึ่งเพราะมีลักษณะเป็นผาหินเล็กๆ ยื่นออกไป ใกล้ๆ กันมีต้นไม้ใช้เป็นฉากหลัง ท้องฟ้าสีครามที่เพิ่งจะเริ่มปรากฏให้เราเห็นเป็นภาพสวยงามของการเดินสู่เขาช้างเผือกที่ประทับใจมาก

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่สาม เส้นทางช่วงนี้เป็นช่วงที่เราจะได้เดินข้ามเนินเขาเล็กๆ ค่อนข้างต่อเนื่องครับ หากมองไกลๆ เหมือนโหนกบนหลังอูฐที่เราจะต้องเดินข้ามเนินแล้วเนินเล่า คำถามที่เริ่มจะได้ยินบ่อยๆ จากเพื่อนร่วมทางก็คืออีกไกลมั้ยครับ และเจ้าหน้าที่จะคอยตอบคำถามเดิมๆ เป็นระยะๆ เพราะความเหนื่อยของนักผจญภัยอย่างพวกเราเริ่มแสดงอาการชัดขึ้นๆ โดยเฉพาะเมื่อเห็นเนินอยู่ข้างหน้ากับภาพการเดินอย่างช้าๆ ของคนที่ล่วงหน้าไปก่อนรู้สึกว่าจะเพิ่มความเหนื่อยให้เราได้เป็นอย่างดี ช่วงนี้เราจะเห็นสันคมมีดได้ชัดขึ้นๆ สันคมมีดก็คือช่วงที่เร้าใจหวาดเสียวที่สุดของเส้นทางผจญภัยพิชิตเขาช้างเผือกแห่งนี้ซึ่งก่อนที่เราจะไปถึงตรงนั้นจะต้องไปแวะพักที่ลานกางเต็นท์กันก่อนเพื่อทำการกางเต็นท์ ก่อนที่จะลุยกันต่อบนสันคมมีด หรือถ้าหากหมดแรงยังไม่อยากลุยให้จบวันนี้ก็ต้องไปเช้าวันรุ่งขึ้น แต่จะทำให้เวลาในการเดินลงยาวขึ้นด้วยเหมือนกัน



ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ลิงก์นี้เลยค่ะ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น