วันพฤหัสบดี, มกราคม 26, 2555

20 เรื่องเหลือเชื่อทางวิทยาศาสตร์

1. เส้นเลือดในร่างกายมนุษย์มีความยาวรวม 62,000 ไมล์ ถ้านำมาเลี้ยงต่อกันเป็นทางยาวจะได้ความยาวถึง 2.5 เท่าของเส้นรอบวงโลก
2. The Great Barrier Reef ( แนวประการังที่ยาวที่สุดในโลกบริเวณออสเตรเลีย ) เป็นโครงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ให้ที่สุดในโลก มีความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร
3. โอกาสที่โลกจะถูกโจมตี ด้วยอุกาบาตขนาดใหญ่ อยู่ที่ 9,300 ปีข้างหน้า
4. ดาวนิวตรอนขนาดเท่าหัวแม่มือ มีน้ำหนักกว่า 100 ล้านตัว
5. พายุเฮอริเคนหนึ่งลูกผลิตพลังงานเท่ากับระเบิดขนาด 1 เมกะตันจำนวน 8000 พันลูก
6. คาดว่ามีพยาธิปากขอ ซึ่งดูดเลือดเป็นอาหารอยู่ในร่างกายมนุษย์โลกเรา 700 ล้านคน
7. Fred Rompelberg คือผู้ขี่จักรยานด้วยความเร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็ว 166.94 ไมล์ต่อชั่วโมง
8. มนุษย์เราสามารถคิดค้นแสงเลเซอร์ที่มีความสว่างกว่าแสงอาทิตย์ 1 ล้านเท่า
9. 65 % ของผู้ป่วยที่เป็นออทิสติคส์ถนัดซ้าย
10. Finnish pine tree ( ต้นสนชนิดหนึ่งในฟินแลนด์ ) มีความยาวของรากแต่ละต้นรวมแล้วกว่า 30 ไมล์
11. จำนวนเกลือที่อยู่ในน้ำทะเลทั่วโลกเรา สามารถปกคลุมพื้นผิวทวีปทั่วโลกได้หนากว่า 500 ฟุต
12. กลุ่มแก๊สระหว่างหมู่ดาวในราศีธนู มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ นับหมึ่นล้านล้านลิตร
13. หมีขั้วโลกสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชั่วโมง และกระโดดได้สูงกว่า 6 ฟุต
14. มนุษย์และปลาโลมาสืบสายพันธ์เดียวกันมาตั้งแต่ 60 - 65 ล้านปีก่อน
15. กล้อง infared จับภาพหมีขั่วโลกได้อยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติของขนมัน
16. เฉลี่ยแล้วในหนึ่งปีคนเราจะกินสัตว์จำพวก เห็บ ลิ้น ไร โดยไม่ตั้งใจไป 430 ตัวต่อคนต่อปี
17. รากของต้น Rye ( ข้าวชนิดหนึ่งใช้หมักสุรา ) สามารถแพร่ขยายไปได้ถึง 400 ไมล์
18. อุณหภูมิบนพื้นผิวของดาวพุธสูงกว่า 430 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน แต่ลดต่ำกว่า ติดลบ 180 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน
19. ภายใน 24 ชั่วโมง ต้นโอ๊กขนาดใหญ่ขับน้ำ ( ในรูปของไอน้ำ ) ออกมา 10 - 25 แกลลอน
20. ผีเสื้อรับรู้รสด้วยขาหลังของมัน โดยประสาทการรับรู้ทำงานโดยการสัมผัส ทำให้มันรับรู้ใบไม้และดอกไม้ที่มันสำผัส มีรสชาติอย่างไรและกินได้หรือไม่
ที่มา eduzones.com

20 เรื่องเหลือเชื่อทางวิทยาศาสตร์

1. เส้นเลือดในร่างกายมนุษย์มีความยาวรวม 62,000 ไมล์ ถ้านำมาเลี้ยงต่อกันเป็นทางยาวจะได้ความยาวถึง 2.5 เท่าของเส้นรอบวงโลก
2. The Great Barrier Reef ( แนวประการังที่ยาวที่สุดในโลกบริเวณออสเตรเลีย ) เป็นโครงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ให้ที่สุดในโลก มีความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร
3. โอกาสที่โลกจะถูกโจมตี ด้วยอุกาบาตขนาดใหญ่ อยู่ที่ 9,300 ปีข้างหน้า
4. ดาวนิวตรอนขนาดเท่าหัวแม่มือ มีน้ำหนักกว่า 100 ล้านตัว
5. พายุเฮอริเคนหนึ่งลูกผลิตพลังงานเท่ากับระเบิดขนาด 1 เมกะตันจำนวน 8000 พันลูก
6. คาดว่ามีพยาธิปากขอ ซึ่งดูดเลือดเป็นอาหารอยู่ในร่างกายมนุษย์โลกเรา 700 ล้านคน
7. Fred Rompelberg คือผู้ขี่จักรยานด้วยความเร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็ว 166.94 ไมล์ต่อชั่วโมง
8. มนุษย์เราสามารถคิดค้นแสงเลเซอร์ที่มีความสว่างกว่าแสงอาทิตย์ 1 ล้านเท่า
9. 65 % ของผู้ป่วยที่เป็นออทิสติคส์ถนัดซ้าย
10. Finnish pine tree ( ต้นสนชนิดหนึ่งในฟินแลนด์ ) มีความยาวของรากแต่ละต้นรวมแล้วกว่า 30 ไมล์
11. จำนวนเกลือที่อยู่ในน้ำทะเลทั่วโลกเรา สามารถปกคลุมพื้นผิวทวีปทั่วโลกได้หนากว่า 500 ฟุต
12. กลุ่มแก๊สระหว่างหมู่ดาวในราศีธนู มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ นับหมึ่นล้านล้านลิตร
13. หมีขั้วโลกสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชั่วโมง และกระโดดได้สูงกว่า 6 ฟุต
14. มนุษย์และปลาโลมาสืบสายพันธ์เดียวกันมาตั้งแต่ 60 - 65 ล้านปีก่อน
15. กล้อง infared จับภาพหมีขั่วโลกได้อยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติของขนมัน
16. เฉลี่ยแล้วในหนึ่งปีคนเราจะกินสัตว์จำพวก เห็บ ลิ้น ไร โดยไม่ตั้งใจไป 430 ตัวต่อคนต่อปี
17. รากของต้น Rye ( ข้าวชนิดหนึ่งใช้หมักสุรา ) สามารถแพร่ขยายไปได้ถึง 400 ไมล์
18. อุณหภูมิบนพื้นผิวของดาวพุธสูงกว่า 430 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน แต่ลดต่ำกว่า ติดลบ 180 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน
19. ภายใน 24 ชั่วโมง ต้นโอ๊กขนาดใหญ่ขับน้ำ ( ในรูปของไอน้ำ ) ออกมา 10 - 25 แกลลอน
20. ผีเสื้อรับรู้รสด้วยขาหลังของมัน โดยประสาทการรับรู้ทำงานโดยการสัมผัส ทำให้มันรับรู้ใบไม้และดอกไม้ที่มันสำผัส มีรสชาติอย่างไรและกินได้หรือไม่
ที่มา eduzones.com

CNN จัดอันดับ 10 ตึกน่าเกลียดที่สุดในโลก

 


.




          ยังคงจัดอันดับในเรื่องราวมากมายที่มีอยู่ทั่วโลกมาให้ได้ทราบ ๆ กัน สำหรับเว็บไซต์ cnngo.com ที่จัดอันดับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั่วโลก มาคราวนี้พวกเขาได้จัดอันดับว่าด้วยเรื่องของ 10 อาคารเด่น ๆ ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ที่มีการดีไซน์ค่อนข้างจะออกไปทางน่าเกลียดมากกว่าน่าชมเชย โดยทั้ง 10 อาคารที่หน้าตาน่าเกลียดที่ทาง "CNN" จัดอันดับไว้ ประกอบไปด้วย.. 


 1. โรงแรมรุกยอง - เกาหลีเหนือ (Ryugyong Hotel, North Korea)

          นี่คือโรงแรมที่ตั้งตระหง่านอยู่ในกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ แรกเริ่มเดิมทีควรจะสร้างเสร็จไปตั้งแต่เมื่อช่วงปี 1990 แล้ว แต่ทว่ากลับมีการชะงักการก่อสร้างเพราะวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงนั้นไปซะก่อน จนกระทั่งมาเมื่อปี 2008 โรงแรมแห่งนี้ก็ได้รับการสร้างต่อจนเสร็จ เพื่อให้ทันกับการฉลองครบรอบวันเกิด 100 ปีของ "คิม อิลซุง" อดีตผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ โรงแรมรุกยองมีความสูงทั้งหมด 330 เมตร ด้วยรูปทรงแบบสามเหลี่ยมและส่วนปลายที่เป็นแบบปิระมิด เลยทำให้ทาง CNN มองว่านี่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ดูจะไม่เข้ากันกับความเป็นโรงแรมสักเท่าไหร่นัก


 2. โรงแรมแอตแลนติส - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (Atlantis Hotel, United Arab Emirates)

          นี่คือโรงแรมที่มีความอลังการไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบมหานครแอตแลนติสโบราณในตำนาน มีร้านอาหารและบาร์มากมายหลายต่อหลายร้าน แถมยังมี "Aquariamlost Chambers" อควาเรี่ยมขนาดใหญ่ซึ่งมีสัตว์น้ำนานาพันธุ์อาศัยอยู่อีกด้วย อีกทั้งยังมีสวนน้ำขนาดใหญ่ไว้ให้เล่นกันอีกต่างหาก แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ดีไซน์ดีแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะมีคนชอบเหมือนกันไปซะทั้งหมด เพราะนี่ก็คืออีกหนึ่งสถานที่ซึ่ง CNN มองว่าไม่เวิร์คสำหรับพวกเขา


 3. อาคารรัฐสภาของประเทศโรมาเนีย (Palace of the Parliament, Romania)

          นี่คืออาคารรัฐสภาหรือทำเนียบประธานาธิบดีของโรมาเนียที่มีความใหญ่โต กว้างขวาง เป็นอันดับที่ 2 ของโลกต่อจากอาคารเพนตากอนในสหรัฐฯ ที่นี่มีห้องหับอยู่มากกว่า 1,100 ห้อง ใช้เวลาสร้างนานถึง 5 ปี และมีความสูงเท่ากับตึก 12 ชั้นเลยด้วย นอกจากนั้นแล้วยังมีการตกแต่งตัวอาคารด้วยเสาหินอ่อน ไม้แกะสลัก โคมไฟแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ รวมถึงรูปภาพของจิตรกรดัง ๆ ของโรมาเนียอีกเพียบ


 4. หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ Zizkov สาธารณรัฐเช็ก (Zizkov Television Tower, Czech Republic)

          ถ้าจะถามว่าอาคารนี่มีความน่าเกลียดตรงไหน ก็คงจะเป็นประติมากรรมที่เป็นรูปคนที่กำลังปีนป่ายอยู่บนเสาของหอส่งสัญญาณโทรทัศน์นี่ล่ะ เพราะด้วยรูปร่างที่เป็นคน แต่ส่วนหัวเป็นทรงเหลี่ยม ๆ แบบโทรทัศน์ก็เป็นอะไรที่ดูจะขัด ๆ กันอยู่สักหน่อย แต่ก็อย่ากระนั้นเลย นี่คือหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าจะต้องเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโทรทัศน์ ฉะนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรมากมาย ที่ดีไซน์ของอาคารแห่งนี้จะมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้นั่นเอง


 5. อาคาร Experience Music Project - สหรัฐอเมริกา (Experience Music Project, United States)

          ถ้า CNN บอกว่านี่คือหนึ่งในอาคารที่น่าเกลียดที่สุดในโลก เราก็ขอค้านว่านี่เป็นอาคารที่มีดีไซน์แปลก แหวกแนว และนอกกรอบความคิดมากกว่า อาคาร Experience Music Project ก่อตั้งโดย "พอล อัลเลน" ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยคนหนึ่งของโลก เป็นสถานที่ซึ่งแสดงความรู้ด้านดนตรีตั้งแต่สมัยวง "The Beatles" และดนตรีร็อกในยุคสมัยต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องการวงการดนตรี ทั้งเรื่องของเวทีการแสดง ห้องอัดเสียง และอื่น ๆ ที่มีดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องอีกมากมาย


 6. พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (Ho Chi Minh Mausoleum, Vietnam)

          ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึง "โฮจิมินห์" อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีของเวียดนาม ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นเอกราชของชาวเวียดนาม โดยภายในจะมีการจัดแสดงนิทรรศการที่บอกถึงความเป็นมาของระบบคอมมิวนิสต์และประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศเวียดนาม


 7. โบสถ์เมืองลิเวอร์พูล - อังกฤษ (Metropolitan Cathedral, England)    

          ภายนอกของโบสถ์แห่งนี้ แม้จะดูเรียบ ๆ และค่อนข้างแปลกตาไปซะหน่อย แต่ถ้าได้ลองเข้าไปดูภายในแล้ว ก็จะรู้ได้เลยว่า มีความอลังการที่ชวน งง ๆ อยู่ไม่น้อย เนื่องจากภายในมีการตกแต่งด้วยไฟนีออนที่ไม่ค่อยจะเห้นกันนักตามโบสถ์ในที่อื่น ๆ ขณะที่บนส่วนของหลังโปร่ง ๆ ที่เป็นเหมือนกระโจมสูงขึ้นไปนั้น ก็จะมีแผ่นโมเสคที่มีภาพของพระเยซูรวมอยู่ด้วย


 8. อาคารพอร์ตแลนด์ - สหรัฐอเมริกา (The Portland Building, United States)

          CNN บอกว่า นี่เป็นอาคารที่ดูค่อนข้างจะจืดชืดเกินไปสักหน่อย เพราะด้วยดีไซน์ที่ดูไม่สวยงาม แถมยังมีบานกระจกเล็ก ๆ อยู่มากเกินไปด้วยนั้น ยิ่งทำให้อาคารนี้ดูเป็นอาคารที่มีแต่ความน่าเบื่อเป็นที่สุด นอกจากนั้นแล้ว ในเรื่องของโทนสีของตัวอาคารก็ดูไม่เข้ากันอย่างบอกไม่ถูกอีกด้วย ฉะนั้นแล้ว การที่ CNN จัดให้อาคารนี้มีความน่าเกลียดอยู่หน่อย ๆ ก็ดูจะเป็นอะไรที่น่าเห็นด้วยอยู่ไม่น้อย


 9. อาคารฟางหยวน ประเทศจีน (The Fang Yuan Building, China)

          จะว่าไป นี่ก็คงจะเป็นไอเดียที่น่ายกย่อง หรือเป็นไอเดียที่ไม่ค่อยจะมีใครนึกถึงกันก็ว่าได้ สำหรับอาคารฟางหยวนแห่งนี้ ที่ได้ยึดเอาเหรียญเงินของจีนแบบโบราณ มาเป็นสัญลักษณ์ของตัวอาคารที่โดดเด่น มองเห็นแต่ไกลชัดเจน หลายคนอาจชื่นชมกับไอเดียแหวกแนว แต่หลายคนก็อาจจะส่ายหน้าและยกให้เป็นหนึ่งในตึกที่น่าเกลียดที่สุดเหมือนอย่างที่ CNN ว่าไว้ก็ได้


 10. อาคารสำนักงานใหญ่เปรโตรบราส - บราซิล (Petrobras Headquarters, Brazil)

          ด้วยสีสันของตึกที่เป็นโทนสีดำและสีเทา ดูอึมครึม ๆ  ประกอบการการดีไซน์ที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมซ้อน ๆ กันไปมา เลยทำให้ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ ว่าทำไม CNN ถึงพาอาคารสำนักงานใหญ่ "เปรโตรบราส" บริษัทน้ำมันและแก๊สธรรมชาติของบราซิล มาอยู่ในการจัดอันดับครั้งนี้ด้วย นี่ถ้าลองเป็นสีสันโทนอื่น ๆ ที่ดูสดใสกว่านี้ ก็น่าจะช่วยให้บรรยากาศของอาคารดูน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลย







ที่มา : kapook.com

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก asianinfo.org , unusual-architecture.com , tqn.com , iprague.orgmedia-1.web.britannica.com , travelcambodiavietnam.com , jonathan.rawle.org ,onfocus.com , english.cri.cn และ travelgrove.com

วันจันทร์, มกราคม 23, 2555

Les Jours particuliers du calendrier français วันสำคัญทางปฏิทินของฝรั่งเศส

Les Jours particuliers du calendrier français
วันสำคัญทางปฏิทินของฝรั่งเศส
แม้ว่าฝรั่งเศสจะเป็นรัฐฆราวาส แต่วันสำคัญต่าง ๆ กลับเกี่ยวข้องกับศาสนาเป็นส่วนใหญ่ อาจด้วยเหตุบังเอิญว่าวันต่าง ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ตรงกับวันอาทิตย์ซึ่งถือว่าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
ทางศาสนาคริสต์

วันขึ้นปีใหม่ (Jour de l’an) 1 มกราคม วันนักขัตฤกษ์ ตรงกับวันแรก
ของปีตามตารางปฎิทินสากล ในประเทศฝรั่งเศสวันขึ้นปีใหม่
10 มกราคมนี้เริ่มกำหนดใช้ในปี ค.ศ. 1564 และ วันที่ 31 ธันวาคมถือว่าเป็นการฉลองคืนส่งท้าย
ปีเก่าเพื่อต้อนรับขึ้นวันปีใหม่ด้วย ในวันขึ้นปีใหม่นี้ ถือเป็นโอกาสที่จะให้ของขวัญ (เงิน) กับเด็ก ๆ

เอพิพานี (Epiphanie) เทศกาลของชาวคริสเตียน ในโบสถ์ละติน เป็นการฉลองการมาเยี่ยม
พระเยซูของ Rois mages โดยธรรมเนียม มีการทานขนมหวาน เค้ก (รูปทรงมงกุฎในทางตอนใต้)
หรือ กาแลตดูครัว (ทางเหนือของฝรั่งเศส) จัดขึ้นในวันอาทิตย์แรกของเดือนมกราคม

ชองเดอเลอ (Chandeleur) 2 กุมภาพันธุ์ วันทางศาสนาของชาวคริสเตียน แรกเริ่มมาจาก
เทศกาลแสงไฟ ในปี ค.ศ. 472 เทศกาลนี้ได้กลายเป็นการเฉลิมฉลองการเป็นตัวแทนของ
พระเยซูภายในโบสถ์ตามธรรมเนียมมีการทำขนมเครป แล้วโยนขึ้นกลับด้านโดยกำเงินไว้ในมือ
อีกข้างเพื่อถือเป็นการนำโชคดีมาสู่ตัวผู้โยน

มาร์ดี-กรา (Mardi-gras) เทศกาลของชาวคาทอลิก เมื่อวันสิ้นสุด 7 วันหลังเทศกาลงานรื่นเริง (ซึ่งผ่านมื้ออาหารกันมาตลอดสัปดาห์) วันนี้กำหนดขึ้น 47 วันก่อนเทศกาลอีสเตอร์ และเป็นการ
เริ่มต้นของกาเรม (เทศกาลถือศีลอด) สัญลักษณ์ของเทศกาลนี้คืองานกานาวาล (ซึ่งมีความหมายถึงการเอาเนิ้อออก หรือการเริ่มต้นการถือศีล) ตามธรรมเนียมต้องการให้ชาวบ้านแต่งตัวหลากหลายในวันนั้น (ในทุกวันนี้กลายเป็นเด็ก ๆ ) ในบางหมู่บ้านมีการเผาตุ๊กตากานาวาลในวันงานด้วย

Mercredi des Cendres เทศกาลของชาวคาทอลิก เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นเทศกาลถือศีลอด เป็นสัญลักษณ์ให้เตือนถึงการตาย

อาทิตย์แรกของเทศกาลศีลอด (1er dimanche de Carême) ไม่มีกิจกรรมใด ๆ พิเศษ

พฤหัสบดีกลางเทศกาลศีลอด (Jeudi de la Mi-cerême) เป็นสัญลักษณ์ครึ่งนึงของช่วง
เทศกาลถือศีลอดที่มี 40 วัน(โดยไม่นับวันอาทิตย์) ตรงกับวันพฤหัสบดีของอาทิตย์ที่ 3 ของตลอดระยะเวลาเทศกาลถือศีล เป็นการพักของช่วงการถือศีล ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยฉลองกันนัก

Dimanche des Rameaux รำลึกการเดินทางถึงนครเยรูซาเลมของพระเยซู และความรักของ
พระเยซุคริสต์และการเสียชีวิตบนไม้กางเขน

วันอาทิตย์อีสเตอร์ (Dimanche de Pâques) 3 วันหลังจากวันสิ้นชีพของพระเยซุ พระเยซูได้
ฟิ้นคืนชีพ เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันสำคัญที่สุดของปฎิทินชาวคริสต์ เป็นสัญลักษณ์ของวันสิ้นสุด
ของเทศกาลถือศีลอด วันอีสเตอร์สอดคล้องกับวันอาทิตย์แรกต่อจากวันพระจันทร์เต็มดวง
ในฤดูใบไม้ผลิ ชาวคริสต์ต้องหยุดงานเพือ่ไปสวดมิซซา ในวันนี้พระสันตปะปาจะประทานพรในฝรั่งเศสตามธรรมเนียมทำการมอบไข่ (ชอกโกแลต) หรือของประดับธรรมเนียมอิ่น ๆเกี่ยวกับอาหาร
: ทานแกะ

วันจันทร์อีสเตอร์ (Lundi de Pâque) ในยุคกลางตลอดสัปดาห์หลังเทศการอีสเตอร์เป็นสัปดาห์นักขัตฤกษ์ ในปัจจุบันเหลือลงเพียงวันจันทร์ และไม่ใช่งานฉลองที่เคยทำอย่างสม่ำเสมอ ในกรณีของฝรั่งเศสไม่มีการฉลองเป็นพิเศษ

วันนำสาร (Annonciation) 25 มีนาคม ตามศาสนาคริสต์ เทวดากาเบรียล นำสารมาบอก
มารีถึงการตั้งครรภ์พระเยซู 9 เดือนก่อนวันคริสต์มาสถือได้ว่าเป็นวันจุติของพระเยซู

วันรำลึกการถูกคุมตัว(Souvenir déportés) เป็นวันระลึกถึง 150000 ฝรั่งเศสที่ถูกนำตัวไป
เข้าค่ายกักกันของนาซี ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 วันรำลึกนี้จัดอยู่ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายนวันรำลึกนี้จัดอยู่ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายน

วันแรงงาน ( Fête du travail) 1 พฤาภาคม เป็นธรรมเนียมของผู้ใช้แรงงานในการต่อสู้ที่มีอยู่ทั่วโลก ในประเทศส่วนใหญ่จัดเป็นวันหยุดประจำปี ประเทศฝรั่งเศสเริ่มต้นในปี 1919 และในปี 1947 เป็นวันหยุดเต็มวันโดยได้รับค่าแรงด้วย ในวันนี้สหภาพแรงงานต่าง ๆ จะเดินขบวนกันตามเมือง
ต่าง ๆ ของประเทศ และมีการมอบช่อดอกมูเก้ด้วย

วันกลับคืนสู่สวรรค์ (Jeudi de l’Ascension) เป็นการฉลอง 39 วันหลังจากเทศกาลอีสเตอร์
หลังจากลงมาเผยแพร่คำสอน พระเยซุก็ได้เสด็จกลับขึ้นสวรรค์์

วันฉลองชัยชนะ (Victoire 1945) ชัยชนะทีมีต่อเยอรมันในยุคการครอบครองโดยทหารนาซี
สันติภาพได้กลับคืนสู่ทวีปยุโรป โดยสัญญาสงบศึกที่ทำขึ้นในวันที 8 พฤษภาคม 1945 เวลา
ประมาณเที่ยงคืน โดยมีนายพลโซเวียต Jpukov ฝ่ายนาซี Keitel ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และนายพล de Lattre ของฝรั่งเศส เป็นวันนักขัตฤกษ์ตั้งแต่ปี 1953 แต่ได้ถูกยกเลิกไปในสมัย V.Giscard d’Estaing และได้กลับมากำหนดใหม่ในยุคของ F.Mitterrand 1 มิถุนายน 1981

วันอาทิตย์ปงโตโค๊ต (Dimanche de Pentecôte) เป็นวันเทศกาลของชาวคริสต์ กำหนดขึ้น
7 อาทิตย์หลังเทศกาลอีสเตอร์ เพื่อรำลึกถึงวิญญาณศักด์สิทธิ์ที่ลงมาจาก...

ทรินิเต้ (Trinité) วันเทศกาลของชาวคริสต์ อาทิตย์ที่ 8 หลังจากเทศกาลอีสเตอร์ ปัจจุบันไม่ค่อยมีการเฉลิมฉลองมากนัก ในศาสนาคริสต์ ทรินิเต้เป็นการกล่าวถึงพระเจ้าใน 3 บุคคล พระบิดา บุตร และพระจิต

วันพระเจ้า (Fête Dieu) ฉลองในวันพฤหัสบดีถัดจากวันทรินิเต้ (หรืออาจวันอาทิตย์ขึ้นอยู่กับ
ทางปฎิบัติ) ฉลองถึงความเสียสละของพระคริสต์ โดยมีการแบ่งขนมปัง

วันแม่ (Fête des mères)กำหนดเป็นทางการในปี 1928 กำหนดไว้ในวันอาทิตย์สุดท้ายของ
เดือนพฤษภาคม (หรือกรณีพิเศษเลื่อ่นไปในเดือนมิถุนายนหากชนกับปงโดโค๊ต) ในปัจจุบัน
กลายเป็นการค้าและเป็นวันที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ

วันพ่อ (Fête des pères) เช่นเดียวกับวันแม่ แต่มีกำหนดขึ้นเป็นทางการในปี 1952

วันชาติ (Fête Nationale) รำลึกถึงวันแห่งการปฎิวัติของฝรั่งเศส 1789 โดยเฉพาะการทำลาย
คุกบาสตีล ในวันที่ 14 กรกฎาคม 1978 คุกบาสตีลเป็นคุกสำคัญของปารีส และเป็นสัญลักษณ์
ของอำนาจกษัตริย์ ในวันที่ 14 กรกฎาคม 1789 ชาวกรุงปารีสได้ทำการเผาและเข้ายึดคุก
การเข้ายึดคุกบาสตีลนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

วันอัสสัมซิยง (Assomption) 15 สิงหาคม วันทางศาสนาของชาวคาทอลิกที่ทำการฉลองใน
การที่พระแม่มารีขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เป็นวันสำคัญกลางฤดูร้อนมีการ........

Croix glorieuse 14 กันยายน กำหนดโดยจักรพรรคดิ์กองสตองแตง ในปี ค.ศ. 335 ในปัจจุบันมีการฉลองในวันนี้ไม่มากนัก

ตุสแซง (Toussaint) 1 พฤศจิกายน วันทางศาสนาของชาวคาทอลิก ในการเฉลิมฉลองให้กับทุกนักบุญโดยโบสถ์โรมัน ในวันนี้ได้กลายเป็นวันเยี่ยมหลุมฝังศพ เพือ่วางดอกไม้กับผู้เสียชีวิตไปแล้ว และดอกคริสซองแตม

เดฟัน (Défunts) 2 พฤศจิกายน ในฝรั่งเศสรวมกันกับวันหยุดตุสแซง

วันสิ้นสุดสงคราวโลกครั้งที่ 1 (Armistice 1918) 11 พฤศจิกายน 1918 รำลึกถึงการสิ้นสุด
สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมีการเซ็นสัญญายุติสงครามมที่ Rethondes ป่า Compiège (Oise)

Christ Roi วันทางศาสนาของชาวคาทอลิกอาทิตย์สุดท้ายของปี 5 อาทิตย์ก่อนคริสต์มาส Avent ช่วงเวลาหลังจากคริสต์มาส ระหว่าง 3-4 สัปดาห์

คริสต์มาส (Noël) เป็นเทศกาลการเกิดของพระเยซูคริสต์ มีการกำหนดขึ้นในปี ค.ศ. 354
โดยสันตปะปา Libère มีการประดับตกแต่งในวันที่ 24 ธันวาคมตอนเย็น ด้วยต้นสน คอกเด็ก
ของขวัญ และทานอาหรระหว่างครอบครัว เทศกาลนี้ยังกลายเป็นสัญสักษณ์การทำค้าขาย
อย่างมหาศาล

วันครอบครัว (Saint famille) ต่อจากคริสต์มาส (อาทิตย์หรือศุกร์ถัดไปหากวันคริสต์มาส
ตรงกับวันอาทิตย์)เป็นการสร้างครอบครัวโดยเยซูและมีบุพการีคือ มารีและโยเซพ


ที่มา http://www.thaiprovence.org/jour.html

วันพฤหัสบดี, มกราคม 12, 2555

อีกมุมมองหนึ่งของนักประวัตศาสตร์ กรณีข้อกล่าวหา เนโรเผากรุงโรมเมื่อ ค.ศ. 64


"แทกซิตัส" นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันที่มีชื่อเสียงในยุคของนีโรได้บันทึกข้อกล่าวหาไว้และถูกเชื่อถือกันมาตลอดระยะเวลา 2,000 กว่าปี ดังนี้
  1. ในระหว่างที่เนโรออกไปตากอากาศที่แอนติอุมเมืองชายทะเลได้เกิดเพลิงไหม้ในกรุงโรมและเมื่อเนโรทราบข่าวแต่พระองค์ก็ไม่เร่งรีบกลับพระนครอย่างใด
  2. คฤหาสถ์ของบรรดาวุฒิสมาชิกโรมันที่สร้างจากอิฐที่ไม่น่าติดไฟ แต่กลับถูกเพลิงเผาทำลายไปสิ้นนั้นน่าจะเกิดจากการวางเพลิงจากภายในแล้วสั่งทหารโรมันคอยเฝ้าขู่เพื่อไม่ให้มีการดับไฟ เนื่องจากความโกรธแค้นที่บรรดาวุฒิสมาชิกไม่ยอมอนุมัติให้พระองค์สร้างกรุงโรมใหม่
  3. ทิศทางเพลิงดูวิปริตผิดธรรมดา ไฟลามขึ้นสู่ทิศเหนือ และบ้างก็ลงใต้ ทั้งที่ลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นลักษณะของการวางเพลิงอย่างชัดเจน
ปัจจุบัน เอริก วาร์นเนอร์ และ เฮนรี่ เฮิร์สต์ นักประวัติศาสตร์สองท่านที่มีชื่อเสียงไม่เชื่อในบันทึกของแทกซิตัส เนื่องจากในขณะที่กรุงโรมเกิดเพลิงไหม้นั้นแทกซิตัสมีอายุเพียง 8 ขวบ ซึ่งเข้าใจว่าแทกซิตัสอาจจะบันทึกตามคำบอกกล่าวของชาวโรมในสมัยนั้น โดยมีข้อสังเกตว่า
  1. แท้จริงแล้วมีบันทึกจากนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเนโรบันทึกไว้ว่า เมื่อเนโรทราบข่าวการเกิดเพลิงไหม้ก็รีบรุดกลับกรุงโรมทันที และทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารดับเพลิงแห่งโรมด้วยพระองค์เอง
  2. ได้มีการทดลองสร้างคฤหาสถ์จำลองแบบโรมันซึ่งก่อด้วยอิฐจริงแล้วจุดไฟเผา ปรากฏว่าเมื่อโครงสร้างที่เป็นไม้ภายในไหม้ไฟทำให้เกิดความร้อนถึง 1,100 ดีกรี แม้อาคารที่ก่ออิฐก็แตกพังทลาย
  3. วิลล่าของเนโรชื่อ โดมุส ทรานซิโตเรีย ที่ทอดยาวตั้งแต่เนินพาลาทีนไปจนถึงเอสควอลีนก็ถูกไฟเผาไปด้วยเช่นกัน
  4. กลไกการเกิดเพลิงไหม้ใหญ่เนื่องจากกรุงโรมถูกล้อมด้วยเนินเขาสำคัญ 7 ลูก เมื่อไฟไหม้หนักขึ้นก็จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนมากขึ้น บนเนินเขาเตี้ยๆ ยังพอมีออกซิเจนเหลืออยู่มากกว่าพื้นดิน ไฟจึงโหมกระพือไปหาออกซิเจนทางเนินเขาที่อยู่ทิศเหนือบ้าง ทิศใต้บ้าง เป็นเรื่องปกติ
อย่างใดก็ตามแต่ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าเนโรมีความผิดปกติทางจิตจริง โดยหลักฐานและบันทึกที่ปรากฏอยู่มากมาย แต่มีนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยกับเนโรอยู่หลายท่านที่บันทึกเรื่องราวที่เป็นธรรมกับเนโรด้วยเช่นกัน เช่น
โยเซฟัส (Josephus) นักประวัติศาสตร์ที่เกิดและโตในรัชกาลของเนโร และมีอายุยืนถึง 70 ปี เขากล่าวว่า แท็กซิตัส และ ซูโตเนียส บันทึกกล่าวว่าร้ายใส่เนโรจนเกินไป เพราะทั้งสองคนนี้อยู่ในสมัยหลังเนโรถึง 50 ปี และสิ่งที่บันทึกล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ได้แต่ฟังมา ไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง
มาร์คัส แอนเนียส ลูคานัส นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเนโรอีกคนหนึ่งบันทึกว่า ไพร่ฟ้าต่างหน้าใสเมื่ออยู่ใต้การปกครองของเนโร เศรษฐกิจของกรุงโรมในขณะนั้นดีมากประชากรต่างร่ำรวย และเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่นั้นถูกเป็นเครื่องมือหาความชอบธรรมให้กับเหล่าสมาชิกสภาสูงในการโค่นอำนาจจักรพรรดิ์เนโร

วันจันทร์, มกราคม 09, 2555

บทปลงสังขาร

มนุษย์เราเอย     เกิดมาทำไม     นิพพานมีสุข

อยู่ใยมิไป     ตัณหาหน่วงหนัก     หน่วงชักหน่วงไว้

ฉันไปมิได้     ตัณหาผูกพัน     ห่วงนั้นพันผูก

ห่วงลูกห่วงหลาน     ห่วงทรัพย์สินศฤงคาร     จงสละเสียเถิด

จะได้ไปนิพพาน     ข้ามพ้นภพสาม     ยามหนุ่มสาวน้อย

หน้าตาแช่มช้อย     งามแล้วทุกประการ     แก่เฒ่าหนังยาน

แต่ล้วนเครื่องเหม็น     เอ็นใหญ่เก้าร้อย     เอ็นน้อยเก้าพัน

มันมาทำเข็ญใจ     ให้ร้อนให้เย็น     เมื่อยขบทั้งตัว

ขนคิ้วก็ขาว     นัยน์ตาก็มัว     เส้นผมบนหัว

ดำแล้วกลับหงอก     หน้าตาเว้าวอก     ดูหน้าบัดสี

จะลุกก็โอย     จะนั่งก็โอย     เหมือนดอกไม้โรย

ไม่มีเกสร     จะเข้าที่นอน     พึงสอนภาวนา

พระอนิจจัง     พระอนัตตา     เราท่านเกิดมา

รังแต่จะตาย     ผู้ดีเข็ญใจ     ก็ตายเหมือนกัน

เงินทองทั้งนั้น     มิติดตัวเรา     ตายไปเป็นผี

ลูกเมียผัวรัก     เขาชักหน้าหนี     เขาเหม็นซากผี

เปื่อยเน่าพุพอง     หมู่ญาติพี่น้อง     เขาหามเอาไป

เขาวางลงไว้     เขานั่งร้องไห้     แล้วกลับคืนมา

อยู่แต่ผู้เดียว     ป่าไม้ชายเขียว     เหลียวไม่เห็นใคร

เห็นแต่ฝูงแร้ง     เห็นแต่ฝูงกา     เห็นแต่ฝูงหมา

ยื้อแย่งกันกิน     ดูน่าสมเพช     กระดูกกูเอ๋ย

เรี่ยรายแผ่นดิน     แร้งกาหมากิน     เอาเป็นอาหาร

เที่ยงคืนสงัด     ตื่นขึ้นมินาน     ไม่เห็นลูกหลาน

พี่น้องเผ่าพันธุ์     เห็นแต่นกเค้า     จับเจ่าเรียงกัน

เห็นแต่นกแสก     ร้องแรกแหกขวัญ     เห็นแต่ฝูงผี

ร้องไห้หากัน     มนุษย์เราเอ๋ย     อย่าหลงกันเลย

ไม่มีแก่นสาร     อุตส่าห์ทำบุญ     ค้ำจุนเอาไว้

จะได้ไปสวรรค์     จะได้ทันพระเจ้า     จะได้เข้าพระนิพพาน

อะหัง  วันทามิ  สัพพะโส  อะหัง  วันทามิ  นิพพานะปัจจะโย  โหตุ ฯ