สวัสดี (Bonjour !) ทุกๆคนค่ะช่วงเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันป่วยเป็นโรคอีสุก
อีใสค่ะ มันไม่น่าเกิดกับคนในวัยของฉันแล้วใช่ไหมละคะ ก็อายุขนาดนี้แล้วอีสุก
อีใสไม่น่าจะลืมฉันแล้วปล่อยให้เวลามันผ่านมานานขนาดนี้หรอกนะคะ แต่ไหนๆมันก็เกิดขึ้นแล้ว
ฉันก็เลยตามเลยค่ะ ฉันจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่ฉันได้มีโอกาสเป็นเสียตอนนี้
สมมติว่าโรคนี้มาเกิดกับฉันตอนปีหน้า ช่วงเวลาของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไหนจะป่วย ไหนจะอ่านหนังสือ
ไหนจะต้องเรียนหนังสือ และไหนจะภาระพิเศษต่างๆนานา แล้วถ้าสมมติอีกว่าฉันไปเป็นตอนอายุสามสิบ
สี่สิบ หรือมากกว่า อาการของโรคก็จะยิ่งร้ายกาจทวีคูณตามอายุกันเลยทีเดียว แต่ถึงมาเป็นตอนนี้ก็ยังจะได้ยินได้ฟัง
บางคนที่เขารัก หรือหวังดีก็ว่าสงสาร แต่บางคนที่เกลียด หรือหวังร้าย
เขาก็สมน้ำหน้าเอา ได้ฟังมาก็เศร้าทำไมต้องซ้ำเติมกันอีก
แต่จะไปโกรธเขาที่คิดไม่ดีกับเรา ก็ไม่ได้ตราบใดที่เขาไม่ได้เกิด ไม่ได้ถูกสั่งสอนให้คิด
ให้เชื่อมาพร้อมกับเราไม่ได้ฉันใด จิตใจของมนุษย์ก็พันเลี้ยวต่างกันตามที่มาฉันนั้น
“ร้อยพ่อ พันแม่มาอยู่ด้วยกันนี่คะ” แต่ถามว่าเสียใจหรือไม่ที่มาเป็นอีสุก
อีใสตอนนี้ ฉันก็ขอตอบเลยนะคะว่าไม่เลยคะ คนเราเกิดมาตายได้ครั้งเดียว
เราจึงต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เป็นให้หมดทุกอย่าง สนุกเศร้าสุขทุกข์อย่างรู้รสให้ถึงแก่น
และด้วยความที่ป่วยเป็นโรคอีสุก อีใส ทำให้ต้องหยุดเรียน
ที่ถ้าเป็นธรรมดาก็คงดีใจจนหน้าบาน ตีพุงรอนอนอยู่บ้านเลยทีเดียว
แต่นี่มันสัปดาห์ใกล้สอบแล้วกะจิตกะใจมันต่างกันเชียวละคะ
ครั้นจะไปโรงเรียนก็เกรงใจเพื่อนๆที่เขายังไม่เคยเป็น
กลัวจะไปทำเขาเดือดร้อนแบบไม่รู้ตัว ก็เลยต้องหยุดเรียนไปตามที่กล่าวมาก็คงโดนบรรดาอาจารย์เอ็ดว่ากันบ้าง
แต่แหมถ้าจะมาโรงเรียน ขี้คร้านก็ถูกอาจารย์นั่นแหละที่ไล่ให้กลับบ้านเสียเอง ฉันก็เลยทิ้งท้ายบทความนี้ด้วยประโยคสั้นๆของเขาผู้นี้ค่ะ
“Be
nice to nerds.
Chances
are you’ll end up working for one”
.Bill
Gates
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น